͢¢ԷҡѧPostharvest Technology Information NetworkPostharvest TechnologyɵҪԡ͢纺촡ɵҹŧҹԨ

แนะนำหน่วยงาน

  • หน้าหลัก
  • ประชาสัมพันธ์ศูนย์ฯ
  • ความเป็นมา
  • วัตถุประสงค์
  • โครงสร้างการบริหาร
  • คณะกรรมการอำนวยการ
  • คณะกรรมการบริหาร
  • ภาคีสถาบันอุดมศึกษาและวิจัย
  • ติดต่อศูนย์ ฯ

บริการต่าง ๆ

  • PHTNET E-Learning
  • Postharvest Newsletter
  • เครื่องมือวิทยาศาสตร์
  • ห้องปฏิบัติการ
  • รายชื่อผู้ประกอบการ
  • ฐานข้อมูลผู้เชี่ยวชาญ
  • หลักสูตรวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยว
  • รูปภาพความเสียหายหลังการเก็บเกี่ยว
  • มาตรฐานสินค้าเกษตร และระเบียบการส่งออก
  • ลิ้งค์ที่เกี่ยวข้อง

หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

  • สถาบันวิจัยเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว
  • กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
  • กรมส่งเสริมการเกตร
  • กรมวิชาการเกษตร
  • สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร
  • อุตุนิยมวิทยาเพื่อการเกษตร
  • สมาคมผู้ส่งข้าวออกต่างประเทศ
  • ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย
  • สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (สวก.)

หน้าแรก > ข่าวเกษตรประจำวัน

รวมอาชีพเกษตรกรรม ทำง่ายรายได้งาม ปี 2551

เมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 51

รวมอาชีพเกษตรกรรม ทำง่ายรายได้งาม ปี 2551 ผลจากการสำรวจเกษตรกรและผู้สนใจ ที่สนใจในอาชีพเกษตรกรรมทั่วประเทศ พบว่างานเกษตรกรรมที่ทำง่าย ๆ และ สร้างรายได้เร็วนั้นมักจะได้รับความสนใจมากเป็นพิเศษ ด้วยเหตุผลว่ามีการลงทุนน้อย, ใช้พื้นที่ไม่มาก, สามารถประกอบเป็นอาชีพเสริมได้, มีการใช้สารเคมีน้อยและที่สำคัญ ได้เงินเร็ว จากการนำข้อมูลอาชีพเกษตร กรรมต่าง ๆ ที่น่าสนใจและนำมาเผยแพร่ผ่านทางหน้าเกษตรเดลินิวส์ หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ในรอบปี พ.ศ. 2551 ที่ผ่านมานั้น มีหลายอาชีพได้รับความสนใจมากเป็นพิเศษ
 
คุณสมบูรณ์ วงศา เกษตรกร อ.วังทอง จ.พิษณุโลก เปลี่ยนอาชีพจากการปลูกมะขามหวานและมะม่วงมาเริ่มต้นด้วยการปลูกพริกไทยสดเพียง 30 หลัก ผลผลิตดกและขายได้ราคาดีและไม่พบปัญหาทางด้านการตลาด ปัจจุบันมีรายได้จากการเก็บผลผลิตพริกไทยสดที่ปลูกจำนวน 105 หลักที่มีอายุต้นเฉลี่ย 8 ปีเป็นเงินประมาณ 200,000 บาทต่อปี สร้างรายได้สูงกว่าไม้ผลที่เคยปลูก มาทุกชนิดและใช้พื้นที่ปลูกไม่มากนัก พริกไทยสดเป็นพืชอีกชนิดหนึ่งที่ให้ผลผลิตเร็วปลูกไปเพียง 14 เดือน จะเริ่มให้ผลผลิตขายได้บ้างและให้ผลผลิตเต็มที่เมื่อต้นมีอายุได้ 3 ปีขึ้นไป คุณสมบูรณ์บอกว่าราคาพริกไทยสดจะแพงมากในช่วงปีใหม่ไปจนตลอดฤดูแล้งและมีราคาถูกที่สุด ในช่วงฤดูฝนเมื่อต้นปี พ.ศ. 2551 ราคาขายพริกไทยสดจากสวนได้ราคาถึงกิโลกรัมละ 150 บาท ในขณะที่เดือนสิงหาคม 2551 ราคาต่ำสุดอยู่ที่กิโลกรัม ละ 50 บาท

คุณกุหลาบ ทรายแก้ว เกษตรกร จ.กำแพงเพชร ใช้ที่ดินให้เกิดประโยชน์สูงสุดด้วยการปลูกตะไคร้หยวก ซึ่งมีลำต้นอวบอ้วน กลิ่นฉุนเล็กน้อยโดยปลูกแซมในสวนฝรั่งแป้นสีทอง ทำรายได้เสริมให้แก่ครอบครัวได้เป็นอย่างดีและยังได้บอกถึงเทคนิคในการปลูกตะไคร้ที่เกษตรกรส่วนใหญ่มักจะปักต้นตะไคร้ลงตรง ๆ บริเวณกลางหลุมปลูก ธรรมชาติของต้นตะไคร้จะมีการแตกกอจากตรงกลางหลุม แล้วขยายกอออกไปหาขอบหลุม เมื่อต้นตะไคร้แก่จะอยู่บริเวณกลางกอ จะทำให้เราเก็บเกี่ยวตะไคร้ได้ยาก เพราะใบตะไคร้จะบาดมือและแขนคนเก็บ วิธีปลูกที่ถูกต้องควรจะปักต้นตะไคร้ลงดินให้มีลักษณะเอียง 45 องศา ปักให้รอบเป็นวงกลมบริเวณขอบหลุมโดยปลูกหลุมละ 4-6 ต้น คุณกุหลาบบอกว่าราคาขายตะไคร้ จะยืนพื้นอยู่ที่กิโลกรัมละ 5 บาท และ ขายได้ราคากิโลกรัมละ 8-10 บาท  ในช่วงฤดูแล้งเดือนมกราคม-เมษายน และช่วงเทศกาลต่าง ๆ
 
การปลูกมะนาวในวงบ่อซีเมนต์ นับเป็นอาชีพยอดฮิตในรอบปี พ.ศ. 2551 ที่ผ่านมา เนื่องจากใช้เนื้อที่น้อย, ให้ผลตอบแทนเร็ว และสามารถใช้แรงงานในครัวเรือน ได้ คุณพิชัย ลัยนันทน์ เกษตรกร จ.สุโขทัยมีประสบการณ์ในการปลูกมะนาวในวงบ่อซีเมนต์มานานถึง 8 ปี ถือเป็นเกษตรกรรายหนึ่งที่เป็นต้นตำรับในการปลูกมะนาวรูปแบบนี้ หลักการสำคัญของการปลูกมะนาวในวงบ่อซีเมนต์คือดินผสมที่ใช้ปลูกจะใช้หน้าดิน 3 ส่วน, ขี้วัวเก่า 1 ส่วนและเปลือกถั่วเขียว 2 ส่วนผสมให้เข้ากัน (เปลือกถั่วเขียวจะช่วยให้ดินที่ปลูกมีการระบายน้ำที่ดี) ในการปลูกมะนาวในวงบ่อซีเมนต์สามารถบังคับให้ออกฤดูแล้งได้เหมือนกับที่ลงปลูกในดิน โดยใช้หลักการในช่วงฝนทิ้งช่วง ระหว่างเดือนสิงหาคม-กันยายน โดยในช่วงทั้ง 2  เดือนนี้ จะต้องงดการให้น้ำอย่างเด็ดขาด เมื่อฝนทิ้งช่วงนานประมาณ 10-15 วัน ฉีดกระตุ้นให้ออกดอกจะได้ผลผลิตมะนาวหน้าแล้ง ออกจำหน่ายได้ในช่วงเดือนมีนาคม- เมษายน ซึ่งมีราคาแพงที่สุด
 
“การเลี้ยงกุ้งก้ามกราม แบบคอนโด” เป็นงานทดลอง และมีสถานีประมงน้ำจืดชัยนาทเป็นผู้ริเริ่มในช่วงที่คุณสนธิพันธ์ ผาสุขดี เป็นหัวหน้าสถานีฯ เมื่อปี พ.ศ. 2544 จากแนวคิดที่ว่ากุ้งก้ามกรามที่อาศัยอยู่ในธรรมชาติมักจะชอบอาศัยอยู่ตามซอกหินที่ใช้พื้นที่ไม่มากนักและกุ้งแต่ละตัวจะมีอาณาเขตของตัวเอง จึงมีการตั้งสมมุติฐานว่าน่าจะนำกุ้งก้ามกรามมาเลี้ยงในขวดพลาสติกได้ เพียงแต่ยึดหลักว่าเลี้ยงใน ระบบปิด น้ำที่ใช้เลี้ยงจะต้องมีการหมุนเวียนกลับมาใช้ใหม่ ระบบการกรองและการ หมุนเวียนน้ำจะต้องดีและมีประสิทธิภาพ จากการที่เลี้ยงกุ้งก้ามกรามในขวดพลาสติกขนาดบรรุจุ 5 ลิตร พบปัญหากุ้งตายเกิดจากพื้นที่แคบเกินไปทำให้กุ้งลอกคราบไม่ได้ เปลี่ยนมาใช้ตู้กระจกขนาดบรรจุ 16-17 ลิตร พบว่าปัญหาเรื่องกุ้งตายหมดไป แต่ถ้าเกษตรกรคิดจะเลี้ยงในเชิงพาณิชย์ควรจะเลี้ยงในตะกร้าพลาสติก, เลี้ยงในแม่น้ำและสร้างกระชังเลี้ยงจะช่วยลดค่าใช้จ่ายได้มากโดยเฉพาะค่าไฟฟ้าและการจัดการเรื่องระบบการหมุนเวียนน้ำ การเลี้ยงกุ้งแบบคอนโดจะได้กุ้งที่มีขนาดน้ำหนักตัวเฉลี่ย 3-4 ตัวต่อกิโลกรัม ขายได้ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 600-700 บาท

“การเลี้ยงปลาไหลนาในยางรถจักรยานยนต์เก่า” เป็นความพยายามที่จะหาวิธีการเลี้ยงปลาไหลนาด้วยวิธีการเลียนแบบธรรมชาติและเป็นการนำเอาวัสดุเหลือใช้มาก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด ผลงานของวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีระนอง หลายคนอาจจะไม่ทราบว่าปลาไหลทนทานในน้ำที่มีปริมาณออกซิเจนต่ำได้ดีและไม่ชอบสภาพน้ำลึก ปัจจุบันประชากรปลาไหล นาที่มีจำหน่ายในท้องตลาดเกือบทั้งหมดจับมาจากแหล่งน้ำธรรมชาติ แต่ความต้องการในการบริโภคปลาไหลนาของคนไทยมีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปลาไหลนาจัดเป็นปลาที่มีปริมาณไขมันต่ำที่สุดชนิดหนึ่ง

คุณวิโรจน์ เทียนขาว เกษตรกรจาก จ.นครสวรรค์ มีอาชีพปลูกกระชายมานานกว่า 20 ปี และรูปแบบในการปลูกกระชายของคุณวิโรจน์น่าจะเป็นอีกหนึ่งแบบอย่างของการทำการเกษตรแบบพอเพียง เนื่องจากปลูกแซมในสวนผลไม้ จากที่กระชายทำรายได้รองเปลี่ยนมาเป็นรายได้หลักในปัจจุบัน และได้ฝากถึงเกษตรกรที่จะปลูกกระชายแซมในสวนผลไม้แนะนำว่าไม่ควรปลูกแซมในสวนมะยงชิดและสวนมะขามหวาน เนื่องจากต้นกระชายจะยุบตายก่อนที่จะลงหัว แต่ถ้าปลูกในร่มเงาของไม้ผลอื่น ๆ เช่น ขนุน มะม่วง กล้วยหรือสะเดา การเจริญเติบโต และการลงหัวของกระชายจะดีมาก
 
มีการคาดการณ์กันว่าในปีหน้า (พ.ศ.2552) สภาพเศรษฐกิจ ของทั่วโลกจะชะลอตัวลงซึ่งรวมถึงประเทศไทยด้วยมีผลทำให้มีการเลิกจ้างแรงงานเป็นจำนวน มาก ไม่อยากให้คนไทยตื่นตระหนกจนเกินเหตุ และหมดกำลังใจ เนื่องจากยังมีอาชีพเกษตรกรรมอีกมากมายที่ทำได้ง่าย ๆ และพอเลี้ยงชีพได้ ดังที่กล่าวมาแล้วในข้างต้นโดยใช้ชีวิตอย่างพอเพียงดังคำขวัญของหม่อมเจ้าสิทธิพร กฤดากร บิดาแห่งวงการเกษตรแผนใหม่ที่ว่า “เงินทองเป็นของมายา ข้าวปลาเป็นของจริง” หน้าเกษตรเดลินิวส์ขอเป็นกำลังใจให้กับเกษตรกรไทยทุกคนได้ต่อสู้กันต่อไปและใช้ชีวิตอย่างพอเพียง

ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ วันที่ 30 ธันวาคม 2551
http://www.dailynews.co.th/web/html/popup_news/Default.aspx?Newsid=186575&NewsType=1&Template=1

ข่าวที่เกี่ยวข้อง
  • รวมอาชีพเกษตรกรรม ทำง่ายรายได้งาม ปี 2551
  • ม.บูรพาต่อยอดงานวิจัย "หิ้งสู่ห้าง" เพิ่มมูลค่า "ปลาสลิด" บ้านแพ้ว
  • กรมข้าวเตือนนครนายกเฝ้าระวัง เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลระบาดที่นา
  • ลดพิษของโลหะหนักในปลาด้วยวิตามินซี
  • เร่งปลูกถั่วเขียว พันธุ์ "ชัยนาท 80" นำร่องเหนือล่าง
  • ไทยเยี่ยมโคลนนิ่งกระทิงป่าได้สำเร็จ
  • "เจริญ คุ้มสุภา" ปลูกมะม่วงนอกฤดูขายญี่ปุ่น
  • ศูนย์นวัตกรรมเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

    Postharvest Technology Innovation Center

    เทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว | ข่าวเกษตร | บทความ | ฐานข้อมูลงานวิจัย | วีดีโอ | Postharvest Technology