ทุ่ม 100 ล้านเลิกใช้สารโบรไมด์ ยูเอ็นโดนหนุนช่วยลดโลกร้อน
เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 51
สำหรับผู้เข้าร่วมโครงการจะได้รับความช่วยเหลือในหลายรูปแบบ อาทิ การฝึกอบรมหลักการรมยา การรับรองผู้รมยา การให้ความรู้ด้านสารทดแทนเมทิลโบรไมด์และความต้านทานของแมลง การช่วยเหลือด้านการเงินสำหรับปรับเปลี่ยนไปใช้ทางเลือกทดแทนสารเมทิลโบรไมด์ทั้งรูปแบบเงินช่วยเหลือบางส่วน และเงินช่วยเหลือเต็มจำนวนสำหรับอุปกรณ์ต่าง ๆ เป็นต้น โดย จะมีการจดทะเบียนในระบบฐานข้อมูลของประเทศ และมีการติดตามการใช้ในช่วงระยะเวลา 1 ปี
นายจำลอง กล่าวต่อว่า ในแต่ละปีจะมีนำเข้าสารเมทิลโบรไมด์ ประมาณ 700 ตัน โดยจำนวนนี้ใช้รมยาเพื่อการส่งออก 426 ตัน และใช้เพื่อเก็บรักษาผลผลิตทางการเกษตร 274 ตัน ทั้งนี้ในปี 2555 หลังสิ้นสุดโครงการ กรมวิชาการเกษตรมั่นใจว่า ผู้ประกอบการที่มีการใช้สารเมทิลโบร์ไมด์ในกลุ่มใช้เพื่อเก็บรักษาผลผลิตทางการเกษตร ยกเว้นกลุ่มที่รมยาด้วยสารดังกล่าวเพื่อการส่งออก จะสามารถลดและเลิกการใช้สารนี้ได้ทั้งหมด เนื่องจาก ผู้ประกอบการมีแนวโน้มให้ความร่วมมืออย่างดี โดยในปี2552 ตั้งเป้าหมายลดการนำเข้า สารเมทิลโบรไมด์ ลดการใช้ให้เหลือ 122 ตัน
ทั้งนี้ประเทศไทย โดยกรมวิชาการเกษตร ในฐานะสมาชิกองค์กรด้านสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ หรือ UNEP ได้รับเงินช่วยเหลือแบบให้เปล่าจากกองทุนพหุภาคีในการดำเนินงาน ผ่านธนาคารโลกจำนวน 2.9 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 100 ล้านบาท) เพื่อดำเนินการลดและเลิกใช้สารเมทิลโบรไมด์ในประเทศไทยภายในปี 2555 เนื่องจาก สารดังกล่าวมีส่วนสำคัญในการทำลายชั้นบรรยากาศ ซึ่งส่งผลให้เกิดภาวะโลกร้อน
ที่มา : หนังสือพิมพ์แนวหน้า วันที่ 1 ธันวาคม 2551
http://www.naewna.com/news.asp?ID=136153
ศูนย์นวัตกรรมเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
Postharvest Technology Innovation Center
เทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว | ข่าวเกษตร | บทความ | ฐานข้อมูลงานวิจัย | วีดีโอ | Postharvest Technology
