͢¢ԷҡѧPostharvest Technology Information NetworkPostharvest TechnologyɵҪԡ͢纺촡ɵҹŧҹԨ

แนะนำหน่วยงาน

  • หน้าหลัก
  • ประชาสัมพันธ์ศูนย์ฯ
  • ความเป็นมา
  • วัตถุประสงค์
  • โครงสร้างการบริหาร
  • คณะกรรมการอำนวยการ
  • คณะกรรมการบริหาร
  • ภาคีสถาบันอุดมศึกษาและวิจัย
  • ติดต่อศูนย์ ฯ

บริการต่าง ๆ

  • PHTNET E-Learning
  • Postharvest Newsletter
  • เครื่องมือวิทยาศาสตร์
  • ห้องปฏิบัติการ
  • รายชื่อผู้ประกอบการ
  • ฐานข้อมูลผู้เชี่ยวชาญ
  • หลักสูตรวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยว
  • รูปภาพความเสียหายหลังการเก็บเกี่ยว
  • มาตรฐานสินค้าเกษตร และระเบียบการส่งออก
  • ลิ้งค์ที่เกี่ยวข้อง

หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

  • สถาบันวิจัยเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว
  • กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
  • กรมส่งเสริมการเกตร
  • กรมวิชาการเกษตร
  • สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร
  • อุตุนิยมวิทยาเพื่อการเกษตร
  • สมาคมผู้ส่งข้าวออกต่างประเทศ
  • ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย
  • สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (สวก.)

หน้าแรก > ข่าวเกษตรประจำวัน

แนะเทคนิคชาวสวน ลดต้นทุนปลูกยาง ฝ่าวิกฤติราคาร่วง

เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 51

แนะเทคนิคชาวสวน ลดต้นทุนปลูกยาง ฝ่าวิกฤติราคาร่วง นายสุขุม วงษ์เอก ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยยาง กรมวิชาการเกษตร เปิดเผยว่า จากปัญหาราคายางตกต่ำ เกษตรกรไม่ควรหวั่นวิตกเกินไป เพราะจะเป็นอยู่ชั่วขณะหนึ่งเท่านั้น ปล่อยไปตามกลไกของตลาด จริงๆแล้วราคายางที่ 60 บาทต่อกิโลกรัมเกษตรกรก็อยู่ได้ และเมื่อเข้าสู่ฤดูฝนตกชุกในเดือนพฤศจิกายนทำให้กรีดได้ไม่เต็มที่ ราคายางก็จะขยับตัวสูงขึ้นเองเพราะตลาดมีความต้องการ

สำหรับทางออกระยะยาวควรนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อลดต้นทุนการผลิต เช่น การใส่ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดิน ใส่ปุ๋ยอินทรีย์ร่วมกับปุ๋ยเคมี หรือผสมปุ๋ยเคมีใช้เอง ลดการใช้สารเคมีปราบวัชพืชด้วยการปลูกพืชคลุมดินยังให้ธาตุอาหารไนโตรเจนแก่ต้นยางอีกด้วย อีกทั้งเกษตรกรควรเปลี่ยนระบบกรีดที่ปฏิบัติอยู่เดิม 3 วันเว้นวัน เป็นการกรีดวันเว้นวันจะช่วยให้ต้นยางได้พักฟื้น 1-2 วัน เพื่อสร้างน้ำยางได้เต็มที่ใหม่ นอกจากนี้ควรใช้แรงงานกรีดในครอบครัวโดยไม่ต้องแบ่งเปอร์เซ็นต์ให้ในลักษณะเจ้าของได้ 60 คนกรีดได้ 40 หรือแบ่งคนละครึ่ง ในช่วงที่ยางราคาไม่ดีควรเปลี่ยนจากการขายน้ำยางสดมาขายยางในรูปของยางแผ่นดิบ ซึ่งสามารถยืดเวลาเก็บยางให้นานขึ้นได้ เมื่อยางราคาดีจึงเทออกขาย หรือในอีกทางหนึ่งให้เกษตรกรหันมาทำเกษตรแบบผสมผสานไม่ปลูกพืชเชิงเดี่ยว จะทำให้เกษตรกรมีรายได้หมุนเวียนตลอดปี ไม่ต้องรอขายยางเพียงอย่างเดียว ก็จะช่วยให้เกษตรกรอยู่ได้ไม่ว่าในอนาคตจะเกิดวิกฤติเช่นนี้อีกเมื่อไรก็ตาม เกษตรกรก็สามารถมีพืชผลเกษตรรองรับและมีรายได้พอเลี้ยงครอบครัวโดยไม่เดือดร้อน

นายสุขุม วงษ์เอก กล่าวเพิ่มเติมว่า เกษตรกรที่ปลูกยางแล้วหรือคิดจะปลูกยางใหม่ในปีหน้า ควรคำนึงถึงปัจจัยต่างๆในการดำเนินชีวิต ด้วยการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายในครัวเรือนให้เหมาะสมโดยขอให้ยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียงฯก็จะอยู่ได้โดยไม่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกที่ตกต่ำมากนัก

ที่มา : หนังสือพิมพ์แนวหน้า วันที่ 11 พฤศจิกายน 2551
http://www.naewna.com/news.asp?ID=132797

ข่าวที่เกี่ยวข้อง
  • รวมอาชีพเกษตรกรรม ทำง่ายรายได้งาม ปี 2551
  • ม.บูรพาต่อยอดงานวิจัย "หิ้งสู่ห้าง" เพิ่มมูลค่า "ปลาสลิด" บ้านแพ้ว
  • กรมข้าวเตือนนครนายกเฝ้าระวัง เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลระบาดที่นา
  • ลดพิษของโลหะหนักในปลาด้วยวิตามินซี
  • เร่งปลูกถั่วเขียว พันธุ์ "ชัยนาท 80" นำร่องเหนือล่าง
  • ไทยเยี่ยมโคลนนิ่งกระทิงป่าได้สำเร็จ
  • "เจริญ คุ้มสุภา" ปลูกมะม่วงนอกฤดูขายญี่ปุ่น
  • ศูนย์นวัตกรรมเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

    Postharvest Technology Innovation Center

    เทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว | ข่าวเกษตร | บทความ | ฐานข้อมูลงานวิจัย | วีดีโอ | Postharvest Technology