͢¢ԷҡѧPostharvest Technology Information NetworkPostharvest TechnologyɵҪԡ͢纺촡ɵҹŧҹԨ

แนะนำหน่วยงาน

  • หน้าหลัก
  • ประชาสัมพันธ์ศูนย์ฯ
  • ความเป็นมา
  • วัตถุประสงค์
  • โครงสร้างการบริหาร
  • คณะกรรมการอำนวยการ
  • คณะกรรมการบริหาร
  • ภาคีสถาบันอุดมศึกษาและวิจัย
  • ติดต่อศูนย์ ฯ

บริการต่าง ๆ

  • PHTNET E-Learning
  • Postharvest Newsletter
  • เครื่องมือวิทยาศาสตร์
  • ห้องปฏิบัติการ
  • รายชื่อผู้ประกอบการ
  • ฐานข้อมูลผู้เชี่ยวชาญ
  • หลักสูตรวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยว
  • รูปภาพความเสียหายหลังการเก็บเกี่ยว
  • มาตรฐานสินค้าเกษตร และระเบียบการส่งออก
  • ลิ้งค์ที่เกี่ยวข้อง

หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

  • สถาบันวิจัยเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว
  • กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
  • กรมส่งเสริมการเกตร
  • กรมวิชาการเกษตร
  • สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร
  • อุตุนิยมวิทยาเพื่อการเกษตร
  • สมาคมผู้ส่งข้าวออกต่างประเทศ
  • ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย
  • สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (สวก.)

หน้าแรก > ข่าวเกษตรประจำวัน

เตือนเกษตรกรไทย เร่งศึกษาเงื่อนไข สินค้าเกษตรส่งอียู

เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 51

เตือนเกษตรกรไทย เร่งศึกษาเงื่อนไข สินค้าเกษตรส่งอียู กรมวิชาการเกษตรประกาศเตือนเร่งศึกษาเงื่อนไขสินค้าเกษตรไปยังอียู หลังจากอียูคุมเข้มสารตกค้างในผัก-ผลไม้ ขณะเดียวกันจะทบทวนคำแนะนำแปลงจีเอพี ต่อเกษตรกรผลิตเพื่อการส่งออก

นายสมชาย ชาญณรงค์กุล อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าวว่า ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2551 เป็นต้นไป สหภาพยุโรปซึ่งเป็นตลาดสินค้าเกษตรที่สำคัญของไทย จะเริ่มบังคับใช้กฎหมายฉบับใหม่ Regulation (EC) 396/2005 เพื่อกำหนดปริมาณสารตกค้างในผลผลิตทางการเกษตร โดย 27 ประเทศสมาชิกจะใช้ค่ากำหนดในกฎหมายฉบับนี้เป็นค่าเดียวกันและเหมือนกันทั้งหมด

ส่วนผลกระทบที่จะเกิดขึ้นก่อนกฎหมายมีผลบังคับใช้ มีชนิดของสารเคมีมากกว่า 900 ชนิด ที่อียูอนุญาตให้ใช้ในการเกษตรแต่ภายใต้กฎหมายใหม่ มีสารเคมีที่ถูกยกเลิกถึง 587 ชนิด โดยมีสารเคมีจำนวน 110 ชนิด ที่สมาชิกสามารถกำหนดชนิดและปริมาณสูงสุดของการตกค้างของสารชนิดต่างๆ ร่วมกันได้แล้ว ขณะนี้มีสารอีกจำนวน 269 ชนิด ที่อยู่ระหว่างการทบทวน และคาดว่าจะผ่านการพิจารณาอีกประมาณ 100 ชนิด ส่งผลให้จำนวนสารเคมีที่ได้รับอนุญาตให้ใช้ในการผลิตทางการเกษตรในอียูทั้งหมดมี 300 ชนิด อีกทั้งสารเคมีที่ไม่อยู่ในรายการที่กำหนด อียูจะให้ยึดปริมาณ 0.01 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม เป็นมาตรฐาน

อธิบดีกรมวิชาการเกษตรเผยอีกว่า ดังนั้นผู้ผลิต ผู้ประกอบการที่ส่งสินค้าไปยังอียู จะต้องตรวจสอบรายละเอียด ทั้งชนิดของพืช ชนิดของสารเคมี ปริมาณสารตกค้างตามที่กำหนดเพื่อจะสามารถผลิตสินค้าให้ได้ตามข้อกำหนดของอียู นอกจากนี้กรมวิชาการเกษตรได้เตรียมมาตรการต่างๆ เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการ ผู้ส่งออก และเกษตรกร สามารถปรับตัวได้ โดยจะทำการทบทวนแนะนำการทำแปลงจีเอพี หรือวิธีการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีและเหมาะสมใหม่ให้สอดคล้องกับข้อกำหนดของอียู และอาจจะมีการทบทวนการขึ้นทะเบียนสารเคมีให้สอดคล้องด้วยเช่นกัน

ที่มา : หนังสือพิมพ์คม ชัด ลึก วันที่ 16 ตุลาคม 2551
http://www.komchadluek.net/2008/10/16/x_agi_b001_226207.php?news_id=226207

ข่าวที่เกี่ยวข้อง
  • รวมอาชีพเกษตรกรรม ทำง่ายรายได้งาม ปี 2551
  • ม.บูรพาต่อยอดงานวิจัย "หิ้งสู่ห้าง" เพิ่มมูลค่า "ปลาสลิด" บ้านแพ้ว
  • กรมข้าวเตือนนครนายกเฝ้าระวัง เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลระบาดที่นา
  • ลดพิษของโลหะหนักในปลาด้วยวิตามินซี
  • เร่งปลูกถั่วเขียว พันธุ์ "ชัยนาท 80" นำร่องเหนือล่าง
  • ไทยเยี่ยมโคลนนิ่งกระทิงป่าได้สำเร็จ
  • "เจริญ คุ้มสุภา" ปลูกมะม่วงนอกฤดูขายญี่ปุ่น
  • ศูนย์นวัตกรรมเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

    Postharvest Technology Innovation Center

    เทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว | ข่าวเกษตร | บทความ | ฐานข้อมูลงานวิจัย | วีดีโอ | Postharvest Technology