͢¢ԷҡѧPostharvest Technology Information NetworkPostharvest TechnologyɵҪԡ͢纺촡ɵҹŧҹԨ

แนะนำหน่วยงาน

  • หน้าหลัก
  • ประชาสัมพันธ์ศูนย์ฯ
  • ความเป็นมา
  • วัตถุประสงค์
  • โครงสร้างการบริหาร
  • คณะกรรมการอำนวยการ
  • คณะกรรมการบริหาร
  • ภาคีสถาบันอุดมศึกษาและวิจัย
  • ติดต่อศูนย์ ฯ

บริการต่าง ๆ

  • PHTNET E-Learning
  • Postharvest Newsletter
  • เครื่องมือวิทยาศาสตร์
  • ห้องปฏิบัติการ
  • รายชื่อผู้ประกอบการ
  • ฐานข้อมูลผู้เชี่ยวชาญ
  • หลักสูตรวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยว
  • รูปภาพความเสียหายหลังการเก็บเกี่ยว
  • มาตรฐานสินค้าเกษตร และระเบียบการส่งออก
  • ลิ้งค์ที่เกี่ยวข้อง

หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

  • สถาบันวิจัยเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว
  • กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
  • กรมส่งเสริมการเกตร
  • กรมวิชาการเกษตร
  • สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร
  • อุตุนิยมวิทยาเพื่อการเกษตร
  • สมาคมผู้ส่งข้าวออกต่างประเทศ
  • ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย
  • สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (สวก.)

หน้าแรก > ข่าวเกษตรประจำวัน

ประดู่หางดำเชียงใหม่1 จากไก่ชนพัฒนาเป็นไก่เนื้อ

เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 51

ประดู่หางดำเชียงใหม่1 จากไก่ชนพัฒนาเป็นไก่เนื้อ

ช่วงระยะหลายปีมานี้ การเลี้ยง “ไก่พื้นบ้าน” ในแต่ละภูมิภาคของไทย เป็นลักษณะ “ปล่อยอย่างยถากรรม อยู่ตามธรรมชาติ” ทำให้บางครั้งเจ้าของยังไม่รู้ว่า “เป็นลูกใครหว่า”

เพื่ออนุรักษ์ให้เกิดฝูงต้นพันธุ์ กรมปศุสัตว์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จึงทำการศึกษาวิจัย คัดเลือกสายพันธุ์ให้มีความเหมาะสมสำหรับส่งเสริมเกษตรกรเลี้ยงในแต่ละภูมิภาคทั้ง เหนือ อีสาน กลาง และ ใต้

และพื้นที่ทางภาคเหนือ ได้ยกเอา “ประดู่หางดำ” ซึ่งเป็นไก่พื้นเมืองดั้งเดิมของไทยเรา ที่นิยมเลี้ยงตามหมู่บ้านในแถบภาคเหนือ ซึ่งในระยะหลังๆเริ่มมีจำนวน “ลดน้อยถอยลง” มาเป็นพระเอก เพื่อพัฒนากระทั่งได้สายพันธุ์ใหม่คือ “ไก่ประดู่หางดำเชียงใหม่ 1”

นายชาตรี ประทุม ศูนย์วิจัยและบำรุงพันธุ์สัตว์เชียงใหม่ อ.สันป่าตอง จ.เชียงใหม่ บอกกับ “หลายชีวิต” ว่า เพื่อดำรงคงไว้ซึ่งสายพันธุ์ไทย กรมจึงเริ่มผสมและคัดพันธุ์ตั้งแต่ปี 2545-2551 (ชั่วที่ 7) ที่ขณะนี้สายพันธุ์เริ่มนิ่ง

โดย เพศผู้ มีลักษณะใบหน้าสีแดงถึงอมดำ หงอนถั่ว ปาก แข้ง ขนลำตัว รวมทั้งขนหางสีดำ สร้อยคอสีแดงประดู่ ส่วนเพศเมีย ทั่วไปจะเหมือนเพศผู้เพียงแต่ไม่มีขนสร้อยคอ เริ่มจับคู่เมื่ออายุเฉลี่ยที่ 189 วัน ออกไข่สูงสุดอยู่ที่ 40 ฟอง/แม่/ปี และยังมีความรับผิดชอบที่จะฟักไข่เอง

ฉะนี้เพื่อให้อัตราการรอดสูง ผู้เลี้ยงควรหาวัสดุรองรังไข่ที่สะอาด ซึ่งอาจใช้สมุนไพรพื้นบ้านเช่น ยาเส้น ใบน้อยหน่า ใบตะไคร้ มาใช้รองรังไข่ เป็นการป้องกันไม่ให้เกิด “ไรไก่” หลัง “ลูกเจี๊ยบ” ฟักออกมาแล้ว ช่วงนี้แม่ค่อนข้างดุ และหวงลูกหากมีใครหรือแม้แต่ตัวผู้เข้าใกล้ เธอก็จะกลายเป็น “จอมโวยวาย” กางปีกร้องเสียงหลงและยัง “ไล่จิกชนิดไม่คิดชีวิต” เชียวล่ะ

กระทั่ง 2 เดือน ถึงเริ่มออกห่างฝูงลูก เพื่อมีเวลา “เหล่” เพศตรงข้าม พร้อมกับหวนมาปฏิบัติ “ภารกิจเพิ่มประชากร” อีกครั้ง ช่วงนี้จะให้ รำ ปลายข้าว หรือ อาหารสำเร็จรูป เพื่อ ให้แม่ลูกสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง และหากลูกเจี๊ยบบางตัวได้รับบาดเจ็บ ควรใช้ยาม่วง หรือเขม่าดำๆที่ติดก้นหม้อทาปิดป้องกัน เพราะโดย “ธรรมชาติพวกมันจะชอบสีแดง” ที่เห็นไม่ได้เป็นต้อง “ไล่จิก”

สำหรับอัตราการเจริญเติบโต เมื่อเทียบที่อายุเท่ากันกับไก่พื้นเมืองทั่วไป พระเอกใหม่ประดู่หางดำ จะโตเร็วกว่าไก่พื้นเมืองทั่วไป 10-25 เปอร์เซ็นต์ ส่วนผิวหนังสีเหลือง เนื้อนุ่มไม่เหนียว ซึ่งทางกรมได้เริ่มทดลองวางตลาดเจาะกลุ่มผู้บริโภค ผลที่ได้พบว่าคนในพื้นที่ให้ความสนใจ ตลาดให้การยอมรับกันมาก

ส่วนจะชน ตีเก่ง หรือไม่นั้น มันขึ้นอยู่ที่การฝึกของ 'นักเลง' ไก่แต่ละคน

ที่มา : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ วันที่ 14 ตุลาคม 2551
http://www.thairath.co.th/news.php?section=agriculture&content=107573

ข่าวที่เกี่ยวข้อง
  • รวมอาชีพเกษตรกรรม ทำง่ายรายได้งาม ปี 2551
  • ม.บูรพาต่อยอดงานวิจัย "หิ้งสู่ห้าง" เพิ่มมูลค่า "ปลาสลิด" บ้านแพ้ว
  • กรมข้าวเตือนนครนายกเฝ้าระวัง เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลระบาดที่นา
  • ลดพิษของโลหะหนักในปลาด้วยวิตามินซี
  • เร่งปลูกถั่วเขียว พันธุ์ "ชัยนาท 80" นำร่องเหนือล่าง
  • ไทยเยี่ยมโคลนนิ่งกระทิงป่าได้สำเร็จ
  • "เจริญ คุ้มสุภา" ปลูกมะม่วงนอกฤดูขายญี่ปุ่น
  • ศูนย์นวัตกรรมเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

    Postharvest Technology Innovation Center

    เทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว | ข่าวเกษตร | บทความ | ฐานข้อมูลงานวิจัย | วีดีโอ | Postharvest Technology