͢¢ԷҡѧPostharvest Technology Information NetworkPostharvest TechnologyɵҪԡ͢纺촡ɵҹŧҹԨ

แนะนำหน่วยงาน

  • หน้าหลัก
  • ประชาสัมพันธ์ศูนย์ฯ
  • ความเป็นมา
  • วัตถุประสงค์
  • โครงสร้างการบริหาร
  • คณะกรรมการอำนวยการ
  • คณะกรรมการบริหาร
  • ภาคีสถาบันอุดมศึกษาและวิจัย
  • ติดต่อศูนย์ ฯ

บริการต่าง ๆ

  • PHTNET E-Learning
  • Postharvest Newsletter
  • เครื่องมือวิทยาศาสตร์
  • ห้องปฏิบัติการ
  • รายชื่อผู้ประกอบการ
  • ฐานข้อมูลผู้เชี่ยวชาญ
  • หลักสูตรวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยว
  • รูปภาพความเสียหายหลังการเก็บเกี่ยว
  • มาตรฐานสินค้าเกษตร และระเบียบการส่งออก
  • ลิ้งค์ที่เกี่ยวข้อง

หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

  • สถาบันวิจัยเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว
  • กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
  • กรมส่งเสริมการเกตร
  • กรมวิชาการเกษตร
  • สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร
  • อุตุนิยมวิทยาเพื่อการเกษตร
  • สมาคมผู้ส่งข้าวออกต่างประเทศ
  • ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย
  • สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (สวก.)

หน้าแรก > ข่าวเกษตรประจำวัน

ปลาคิลลี่จากแอฟริกาในไทยเลี้ยงได้

เมื่อวันที่ 18 มกราคม 51

ปลาคิลลี่จากแอฟริกาในไทยเลี้ยงได้ ปลาคิลลี่เป็นสัตว์น้ำจืดขนาดเล็ก ถิ่นกำเนิดแถบทวีปแอฟริกาและประเทศในเขตร้อนชื้น อาทิ แทนซาเนีย กาบอง และอูกานดา เป็นปลาที่สามารถปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมได้เป็นอย่างดี สามารถอยู่ในน้ำที่มีอุณหภูมิสูงถึง 37-43 C๐ ได้ในประเทศไทยก็มีทั่วทุกภาค แต่ไม่นิยม  นำมาเลี้ยงเป็นปลาสวยงาม เพราะสีสันไม่ค่อยสวยเหมือนกับในต่างประเทศ ในไทยนิยมเรียกว่าปลาหัวตะกั่ว
 
การเลี้ยงปลาคิลลี่ประกอบด้วยปัจจัยหลัก ๆ 3 ประการ 1.ที่เลี้ยง 2.สภาพน้ำ  และ 3.อาหาร หากเลี้ยงในตู้ปลา ปลาคิลลี่ขนาดไม่เกิน 2 นิ้ว ควรใช้ตู้ปลาขนาด 12x8x8 นิ้ว แต่ถ้าเป็นพันธุ์ใหญ่ ควรใช้ตู้ขนาด 24x12x12 ควรเลี้ยงเป็นคู่ หรือตัวผู้ 1 ตัวต่อตัวเมีย 2 ตัว
 
การตกแต่งตู้ปลาควรใช้พันธุ์ไม้น้ำ จำพวก บอนน้ำ บอนแดง ใบพาย หรือเฟิร์นน้ำ จำพวกรากดำใบยาว และชวามอส เพราะเป็นพันธุ์ไม้น้ำที่ต้องการแสงสว่าง น้อย ซึ่งจะสอดคล้องกับปลาคิลลี่ที่ชอบอยู่ในที่ที่มีแสงสว่างน้อย

ปลาคิลลี่กระโดดเก่งฉะนั้นควรมีฝาปิดตู้ปลาเพื่อป้องกันปลากระโดด สามารถกินอาหารที่มีชีวิตและอาหารสำเร็จรูปได้ แต่โดยทั่วไปจะชอบอาหารธรรมชาติหรืออาหารสดแช่แข็ง และไม่ควรให้ชนิดเดียวแบบซ้ำซาก ควรให้หลายอย่างสลับสับเปลี่ยนกันไป

โรคปลาคิลลี่ส่วนใหญ่มาจากอาหารสด ที่มีการปนเปื้อน หรือการสะสมของเชื้อโรคที่เกิดจากตู้ปลา ที่ดูแลไม่ดี ควรใช้เกลือเม็ดผสมน้ำทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนถ่ายน้ำจากตู้ปลาและไม่ควรถ่ายน้ำเกินกว่า 30% ของปริมาตรน้ำในตู้ปลารวมทั้งหมด จะสามารถช่วยป้องกันโรคได้เป็นอย่างดี โรคทั่วไปที่พบ ได้แก่ โรคสนิม โรคท้องบวม ซึ่งสามารถใช้ยาทั่ว ๆ ไป นำมาใช้รักษาให้หายได้ ตามอัตราส่วนที่เหมาะสมของยาแต่ละชนิด
 
ปัจจุบันในประเทศไทยเริ่มนิยมเลี้ยงเป็นปลาสวยงามมากขึ้น ที่กรมประมงก็มีการศึกษาเรื่องนี้อย่างจริงจัง จนประสบความสำเร็จในการเพาะขยายพันธุ์เพื่อส่งเสริมให้มีการเลี้ยงกันโดยทั่วไป  เนื่องจากสามารถนำมาเพาะขยายพันธุ์ให้ได้ปลาที่มีสีสันสดใสมากยิ่งขึ้น ขณะเดียวกันในบางสายพันธุ์ของปลาชนิดนี้ค่อนข้างจะมีอายุสั้น ฉะนั้นการเพาะขยายพันธุ์เพื่อเพิ่มจำนวนจะเป็นการทดแทนความต้องการของตลาดได้ดีอีกด้วย

ในตลาดปลาสวยงามทั่วไปในตอนนี้เริ่มมีการนำมาจำหน่ายมากขึ้น และในบางครั้งก็มีการจัดประกวดในประเภทปลาสวยงามรางวัลงาม ๆ กันด้วย ซึ่งส่วนใหญ่ที่นำมาประกวดประชันขันแข่งกันนั้นจะอยู่ที่เรื่องของความสวยงามด้านสีสันและรูปร่างทรวดทรงของปลาเป็นประการสำคัญ

ในอนาคตคาดกันว่าปลาชนิดนี้จะเริ่มเป็นที่รู้จักและมีการนำมาเพาะขยายพันธุ์เพื่อจำหน่ายไปเลี้ยงเพิ่มสีสันและความสวยงามให้กับพื้นที่ภายในบ้านกันมากขึ้นอย่างค่อนข้างแน่นอน ซึ่งนั่นก็หมายความว่า เป็นปลาสวยงามที่ตลาดเริ่มต้องการมากขึ้นนั่นเอง.

ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ วันที่ 18 มกราคม 2551
http://www.dailynews.co.th/web/html/popup_news/Default.aspx?Newsid=151845&NewsType=1&Template=1

ข่าวที่เกี่ยวข้อง
  • รวมอาชีพเกษตรกรรม ทำง่ายรายได้งาม ปี 2551
  • ม.บูรพาต่อยอดงานวิจัย "หิ้งสู่ห้าง" เพิ่มมูลค่า "ปลาสลิด" บ้านแพ้ว
  • กรมข้าวเตือนนครนายกเฝ้าระวัง เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลระบาดที่นา
  • ลดพิษของโลหะหนักในปลาด้วยวิตามินซี
  • เร่งปลูกถั่วเขียว พันธุ์ "ชัยนาท 80" นำร่องเหนือล่าง
  • ไทยเยี่ยมโคลนนิ่งกระทิงป่าได้สำเร็จ
  • "เจริญ คุ้มสุภา" ปลูกมะม่วงนอกฤดูขายญี่ปุ่น
  • ศูนย์นวัตกรรมเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

    Postharvest Technology Innovation Center

    เทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว | ข่าวเกษตร | บทความ | ฐานข้อมูลงานวิจัย | วีดีโอ | Postharvest Technology