͢¢ԷҡѧPostharvest Technology Information NetworkPostharvest TechnologyɵҪԡ͢纺촡ɵҹŧҹԨ

แนะนำหน่วยงาน

  • หน้าหลัก
  • ประชาสัมพันธ์ศูนย์ฯ
  • ความเป็นมา
  • วัตถุประสงค์
  • โครงสร้างการบริหาร
  • คณะกรรมการอำนวยการ
  • คณะกรรมการบริหาร
  • ภาคีสถาบันอุดมศึกษาและวิจัย
  • ติดต่อศูนย์ ฯ

บริการต่าง ๆ

  • PHTNET E-Learning
  • Postharvest Newsletter
  • เครื่องมือวิทยาศาสตร์
  • ห้องปฏิบัติการ
  • รายชื่อผู้ประกอบการ
  • ฐานข้อมูลผู้เชี่ยวชาญ
  • หลักสูตรวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยว
  • รูปภาพความเสียหายหลังการเก็บเกี่ยว
  • มาตรฐานสินค้าเกษตร และระเบียบการส่งออก
  • ลิ้งค์ที่เกี่ยวข้อง

หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

  • สถาบันวิจัยเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว
  • กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
  • กรมส่งเสริมการเกตร
  • กรมวิชาการเกษตร
  • สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร
  • อุตุนิยมวิทยาเพื่อการเกษตร
  • สมาคมผู้ส่งข้าวออกต่างประเทศ
  • ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย
  • สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (สวก.)

หน้าแรก > ข่าวเกษตรประจำวัน

เครื่องสกัดน้ำมันงา สกัดได้มากกว่าเก่า 2.5 เท่า

เมื่อวันที่ 15 มกราคม 51

เครื่องสกัดน้ำมันงา สกัดได้มากกว่าเก่า 2.5 เท่า

นายธนพล ริรพล,นายพเยาว์ เทพนิล และ นายกฤษณะ สิงห์คำ นักศึกษาสาขาวิชา เทคโนโลยีเครื่องกล  คณะครุศาสตร์เทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยี ราชมงคลธัญบุรี ร่วมกันประดิษฐ์ เครื่องสกัดน้ำมันงาแบบสกรูเกลียว ภายใต้การควบคุมอุณหภูมิ สามารถสกัดน้ำมันงา ได้มากกว่าแบบเก่าถึง 2.5 เท่า โดยมี ผศ.สุจิน สุนีย์ และ ผศ.ธีรเวท ฐิติกุล เป็นอาจารย์ที่ปรึกษาตลอดโครงการ
 
นายธนพล เล่าว่า โดยปกติแล้ว กรรมวิธีการสกัดน้ำมันงาของชาวบ้านจะมีขั้นตอนและวิธีการค่อนข้างจะยุ่งยาก คือ จะเริ่มจาก ต้องตำเมล็ดงาให้แตกละเอียด แล้วนำเมล็ดงาไปนึ่ง จากนั้นจึงทำการบีบน้ำมันงา  วิธีการคือ นำงาที่นึ่งสุกแล้วไปใส่ถุงปอถักผูกปากให้แน่นเพื่อป้องกันไม่ให้งาออกจากถุงปอถัก แล้ววางถุงปอถักระหว่างไม้สองท่อนที่ประกบกัน จากนั้นใช้ค้อนตอกที่ลิ่ม ไม้ทั้งสองจะประกบเข้าหากันจนเกือบสนิท น้ำมันงาก็จะไหลออกมาจากช่องว่างระหว่างไม้ทั้งสอง
 
กรรมวิธีการนี้นอกจากจะยุ่งยากแล้วยังได้ปริมาณน้ำมันงาค่อนข้างน้อย และอาจเป็นอันตรายต่อผู้สกัดน้ำมันงา และผู้ที่อยู่โดยรอบด้วย  ซึ่งก็นับว่าเป็นแรงบันดาลใจให้กลุ่มของตนได้วิจัย และประดิษฐ์เครื่องสกัดน้ำมันงาขึ้น
 
และเครื่องสกัดน้ำมันงาที่นักศึกษากลุ่มนี้ประดิษฐ์ขึ้นได้ถูกทดสอบ และนำไปใช้ได้จริง ที่หมู่บ้านดินดำ หมู่ 3 ตำบลแจ้ซ้อน  อ.เมืองปาน จ. ลำปาง เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยเจ้าของผลงานวิจัยได้เล่าถึงเครื่องสกัดน้ำมันงาเครื่องนี้ว่า เครื่องสกัดน้ำมันงา ที่ประดิษฐ์ขึ้นเป็นแบบสกรูเกลียวภายใต้การควบคุมอุณหภูมิ หลักการคือ เครื่องจะแบ่งการทำงาน 2 ขั้นตอนคือ  เมื่อใส่งาลงไปแล้ว เครื่องจะทำการนึ่ง โดยควบคุมอุณหภูมิการนึ่งที่ 100 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 60 นาที (ที่ต้องควบคุมอุณหภูมิ ที่ 100 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 60 นาที เพราะจากการทดลองพบว่า เป็นช่วงอุณหภูมิและเวลาที่เหมาะสมที่สามารถสกัดน้ำมันงาออกมาได้ปริมาณ และคุณภาพดีที่สุด) แล้วจากนั้นจึงเข้าสู่กระบวนการบีบสกัดแบบสกรูเกลียวเป็นลำดับต่อไป
 
จากผลการทดลองพบว่า งา 1 กิโลกรัม สามารถสกัดได้น้ำมันงา เท่ากับ 125 cc. ค่าใช้จ่ายไฟฟ้าในการสกัดน้ำมันงาต่อหนึ่งครั้งคิดเป็น 8 บาท ซึ่งหากใช้วิธีการสกัดแบบเดิม จะได้น้ำมันงาเพียง 44 cc. จากปริมาณงา 1 กิโลกรัมเท่ากัน ซึ่งคุณภาพของน้ำมันงาที่ได้ทั้งสี ทั้งกลิ่นไม่แตกต่างจากน้ำมันงาที่ได้จากกระบวนการดั้งเดิม
 
สำหรับท่านใดที่สนใจ สามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่  ผศ.สุจิน สุนีย์  หมายเลขโทรศัพท์ 08-9765-3743.

ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ วันที่ 15 มกราคม 2551
http://www.dailynews.co.th/web/html/popup_news/Default.aspx?Newsid=151491&NewsType=1&Template=1

ข่าวที่เกี่ยวข้อง
  • รวมอาชีพเกษตรกรรม ทำง่ายรายได้งาม ปี 2551
  • ม.บูรพาต่อยอดงานวิจัย "หิ้งสู่ห้าง" เพิ่มมูลค่า "ปลาสลิด" บ้านแพ้ว
  • กรมข้าวเตือนนครนายกเฝ้าระวัง เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลระบาดที่นา
  • ลดพิษของโลหะหนักในปลาด้วยวิตามินซี
  • เร่งปลูกถั่วเขียว พันธุ์ "ชัยนาท 80" นำร่องเหนือล่าง
  • ไทยเยี่ยมโคลนนิ่งกระทิงป่าได้สำเร็จ
  • "เจริญ คุ้มสุภา" ปลูกมะม่วงนอกฤดูขายญี่ปุ่น
  • ศูนย์นวัตกรรมเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

    Postharvest Technology Innovation Center

    เทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว | ข่าวเกษตร | บทความ | ฐานข้อมูลงานวิจัย | วีดีโอ | Postharvest Technology