͢¢ԷҡѧPostharvest Technology Information NetworkPostharvest TechnologyɵҪԡ͢纺촡ɵҹŧҹԨ

แนะนำหน่วยงาน

  • หน้าหลัก
  • ประชาสัมพันธ์ศูนย์ฯ
  • ความเป็นมา
  • วัตถุประสงค์
  • โครงสร้างการบริหาร
  • คณะกรรมการอำนวยการ
  • คณะกรรมการบริหาร
  • ภาคีสถาบันอุดมศึกษาและวิจัย
  • ติดต่อศูนย์ ฯ

บริการต่าง ๆ

  • PHTNET E-Learning
  • Postharvest Newsletter
  • เครื่องมือวิทยาศาสตร์
  • ห้องปฏิบัติการ
  • รายชื่อผู้ประกอบการ
  • ฐานข้อมูลผู้เชี่ยวชาญ
  • หลักสูตรวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยว
  • รูปภาพความเสียหายหลังการเก็บเกี่ยว
  • มาตรฐานสินค้าเกษตร และระเบียบการส่งออก
  • ลิ้งค์ที่เกี่ยวข้อง

หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

  • สถาบันวิจัยเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว
  • กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
  • กรมส่งเสริมการเกตร
  • กรมวิชาการเกษตร
  • สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร
  • อุตุนิยมวิทยาเพื่อการเกษตร
  • สมาคมผู้ส่งข้าวออกต่างประเทศ
  • ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย
  • สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (สวก.)

หน้าแรก > ข่าวเกษตรประจำวัน

ทุ่ม 30 ล้านผุดโรงปุ๋ยอินทรีย์สู้วิกฤติ ปูพรมเปิด 227 แห่งทั่ว ปท. มุ่งเพิ่มกำลังผลิตป้อนเกษตรกร 3 แสนราย

เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 51

ทุ่ม 30 ล้านผุดโรงปุ๋ยอินทรีย์สู้วิกฤติ ปูพรมเปิด 227 แห่งทั่ว ปท. มุ่งเพิ่มกำลังผลิตป้อนเกษตรกร 3 แสนราย นายอนันต์ ภู่สิทธิกุล เลขาธิการสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ ส.ป.ก.ได้มีแผนเร่งส่งเสริมการจัดตั้งโรงงานปุ๋ยอินทรีย์ในเขตปฏิรูปที่ดิน จำนวน 227 แห่ง ใน 149 อำเภอ 39 จังหวัด แยกเป็น ภาคเหนือ 71 โรง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 117 โรง ภาคกลาง 18 โรง และภาคใต้ 21 โรง โดยมุ่งสนับสนุนให้เกษตรกรรวมกลุ่มจัดตั้งวิสาหกิจชุมชนผลิตปุ๋ยอินทรีย์เพื่อป้อนให้กับผู้ปลูกพืชเศรษฐกิจและพืชพลังงาน ครอบคลุมพื้นที่กว่า 2.28 ล้านไร่

เบื้องต้นได้เตรียมงบประมาณ จำนวน 30 ล้านบาท ไว้ให้วิสาหกิจชุมชนฯ กู้ยืมไปลงทุนและดำเนินธุรกิจ อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 1 ต่อปี โดยจะมีกรมพัฒนาที่ดินเข้ามาช่วยสนับสนุนเทคโนโลยีการผลิตปุ๋ยอินทรีย์-ปุ๋ยชีวภาพ ทั้งในรูปปุ๋ยอินทรีย์อัดเม็ดและปุ๋ยอินทรีย์น้ำ ช่วยเพิ่มกำลังการผลิตปุ๋ยอินทรีย์อัดเม็ดให้กว่าได้ 51,000 ตัน และปุ๋ยอินทรีย์น้ำ 1.5 ล้านลิตร รองรับความต้องการใช้ภายในประเทศที่มีสูงถึง 2.5 ล้านตัน/ปี อนาคตคาดว่าจะสามารถผลิตปุ๋ยอินทรีย์คุณภาพสูงใช้ทดแทนปุ๋ยเคมีได้ ซึ่งเป็นแนวทางหนึ่งที่จะช่วยเกษตรกรลดต้นทุนค่าปุ๋ยเคมีที่มีราคาแพง ทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้นและอยู่รอดได้ท่ามกลางยุคต้นทุนแพง

นายอนันต์ กล่าวอีกว่า ภายใน 2-3 ปีข้างหน้า โรงปุ๋ยอินทรีย์ในเขตปฏิรูปที่ดินจะเป็นแหล่งผลิตปุ๋ยอินทรีย์ต้นแบบที่สามารถผลิตปุ๋ยอินทรีย์ ปุ๋ยชีวภาพกระจายไปสู่แหล่งผลิตพืชอาหารและพืชพลังงานได้ โดยเฉพาะพื้นที่เพาะปลูกข้าวที่มีกว่า 63.6 ล้านไร่ มันสำปะหลัง ประมาณ 7.34 ล้านไร่ อ้อย 6.4 ล้านไร่ และปาล์มน้ำมัน 3 ล้านไร่ ซึ่งน่าจะช่วยขับเคลื่อนยุทธศาสตร์เกษตรอินทรีย์วาระแห่งชาติ ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ให้ดำเนินไปอย่างเป็นรูปธรรมและชัดเจนยิ่งขึ้น

"โรงปุ๋ยอินทรีย์เป็นธุรกิจบริการอย่างหนึ่งที่อยู่ภายใต้กฎหมายบริการภาคประชาชน ซึ่งจะช่วยพัฒนาการจัดการปัจจัยการผลิตอย่างระบบ ที่สามารถช่วยแก้ปัญหาโครงสร้างคุณภาพดิน ฟื้นฟูสภาพดินให้มีเหมาะแก่การปลูกพืช ทั้งยังมีโรงงานผลิตปุ๋ยในชุมชนอย่างแท้จริงซึ่งจะทำให้ชุมชนพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน" นายอนันต์ กล่าว

ที่มา : หนังสือพิมพ์แนวหน้า วันที่ 15 กรกฎาคม 2551
http://www.naewna.com/news.asp?ID=113418

ข่าวที่เกี่ยวข้อง
  • รวมอาชีพเกษตรกรรม ทำง่ายรายได้งาม ปี 2551
  • ม.บูรพาต่อยอดงานวิจัย "หิ้งสู่ห้าง" เพิ่มมูลค่า "ปลาสลิด" บ้านแพ้ว
  • กรมข้าวเตือนนครนายกเฝ้าระวัง เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลระบาดที่นา
  • ลดพิษของโลหะหนักในปลาด้วยวิตามินซี
  • เร่งปลูกถั่วเขียว พันธุ์ "ชัยนาท 80" นำร่องเหนือล่าง
  • ไทยเยี่ยมโคลนนิ่งกระทิงป่าได้สำเร็จ
  • "เจริญ คุ้มสุภา" ปลูกมะม่วงนอกฤดูขายญี่ปุ่น
  • ศูนย์นวัตกรรมเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

    Postharvest Technology Innovation Center

    เทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว | ข่าวเกษตร | บทความ | ฐานข้อมูลงานวิจัย | วีดีโอ | Postharvest Technology