͢¢ԷҡѧPostharvest Technology Information NetworkPostharvest TechnologyɵҪԡ͢纺촡ɵҹŧҹԨ

แนะนำหน่วยงาน

  • หน้าหลัก
  • ประชาสัมพันธ์ศูนย์ฯ
  • ความเป็นมา
  • วัตถุประสงค์
  • โครงสร้างการบริหาร
  • คณะกรรมการอำนวยการ
  • คณะกรรมการบริหาร
  • ภาคีสถาบันอุดมศึกษาและวิจัย
  • ติดต่อศูนย์ ฯ

บริการต่าง ๆ

  • PHTNET E-Learning
  • Postharvest Newsletter
  • เครื่องมือวิทยาศาสตร์
  • ห้องปฏิบัติการ
  • รายชื่อผู้ประกอบการ
  • ฐานข้อมูลผู้เชี่ยวชาญ
  • หลักสูตรวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยว
  • รูปภาพความเสียหายหลังการเก็บเกี่ยว
  • มาตรฐานสินค้าเกษตร และระเบียบการส่งออก
  • ลิ้งค์ที่เกี่ยวข้อง

หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

  • สถาบันวิจัยเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว
  • กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
  • กรมส่งเสริมการเกตร
  • กรมวิชาการเกษตร
  • สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร
  • อุตุนิยมวิทยาเพื่อการเกษตร
  • สมาคมผู้ส่งข้าวออกต่างประเทศ
  • ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย
  • สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (สวก.)

หน้าแรก > ข่าวเกษตรประจำวัน

เกษตรกรเฮมีรายได้และเงินออมเพิ่ม จากภาวการณ์เกษตรไทยปีนี้

เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 51

เกษตรกรเฮมีรายได้และเงินออมเพิ่ม จากภาวการณ์เกษตรไทยปีนี้ ปีนี้ดูเหมือนว่าจะเป็นปีทองของภาคเกษตรไทยโดยแท้ เพราะสินค้าเกษตรหลายชนิดที่ปรับตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะข้าวที่ปรับราคาสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ อันเป็นผลพวงของวิกฤติอาหารโลก และราคาน้ำมันเชื้อเพลิงสูงขึ้นมาก ทำให้ความต้องการทั้งพืชอาหารและพืชพลังงานสูงขึ้นตามไปด้วย จึงนับเป็นโอกาสที่ดีของประเทศไทยที่เป็นประเทศเกษตรกรรมที่ชาวโลกกำลังให้ความสนใจกันมากทีเดียว แต่ภาพรวมของภาคเกษตรจะเป็นอย่างไร มีสินค้าตัวไหนที่มีแนวโน้มสดใส และมีปัจจัยเสี่ยงอะไรบ้างหรือไม่ เพื่อให้เกษตรกร ได้เตรียมตัว ทางสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร จึงได้ประเมินสภาวะการเกษตรของไทยตลอดปี 2551 ไว้แล้ว
 
นายอภิชาต จงสกุล เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กล่าวถึงสถานการณ์ ภาคเกษตรว่า สศก. ได้ประเมินภาวะการเกษตรช่วงครึ่งปีแรกของปี 2551 พบว่า ภาพรวมอยู่ในเกณฑ์ดีมาก เนื่องจากไม่มีปัญหาภัยธรรมชาติ หรือโรคระบาดที่ร้ายแรง ประกอบกับภาครัฐให้การดูแลภาคเกษตรอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะเรื่องการพัฒนาแหล่งน้ำ และการขยายตลาดสินค้าเกษตรส่งผลให้สินค้าเกษตรหลายชนิดปรับตัวสูงขึ้น เช่น ข้าวหอมมะลิ ราคาเฉลี่ย 12,941 บาทต่อตัน เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาที่ขายได้เพียง 8,875 บาทต่อตัน ข้าวเปลือกนาปี 5% ราคา 8,671 บาทต่อตัน เพิ่มขึ้นจาก 6,587 บาทต่อตัน มันสำปะหลังราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 2.10 บาท เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาที่กิโลกรัมละ 1.38 บาท
 
ราคาสินค้าเกษตรที่ปรับตัวสูงขึ้น เป็นผลมาจากความต้องการทั้งพืชอาหารและพืชพลังงานจากภายในประเทศและต่างประเทศ ส่งผลให้เกษตรกรมีรายได้สุทธิเพิ่มขึ้นจากปี 2547-2548 จากเดิมอยู่ที่ 38,000 เป็น 78,000 บาท คิดเป็นสัดส่วนที่เพิ่มขึ้น 103% และมีเงินออมเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 200% คือจากเดิมที่มีเงินออม 12,000 ต่อครัวเรือนต่อปี เพิ่มขึ้นเป็น 38,000 ต่อครัวเรือนต่อปี อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ราคาสินค้าเกษตรจะปรับตัวสูงขึ้น แต่ต้นทุนการผลิตของเกษตรกรก็ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะปัจจัยการผลิต เช่น ปุ๋ย ยากำจัดศัตรูพืช อาหารสัตว์ ที่แพงขึ้นจากการปรับราคาน้ำมัน ซึ่งการเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันเพียงอย่างเดียวจะทำให้ต้นทุนภาคเกษตร เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 2.3 ในขณะที่ราคาสินค้าเกษตรเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 1.8
 
แต่ในช่วงครึ่งปีหลังที่เป็นช่วงฤดูกาลเพาะปลูก เกษตรกรจำเป็นต้องใช้ปัจจัยการผลิตมาก จะทำให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น ในขณะที่แนวโน้มราคาสินค้าเกษตรจะเริ่มชะลอตัวในช่วงกลางปี ภาครัฐจึงควรเข้ามามีบทบาทในการช่วยลดต้นทุนการผลิตและส่งเสริมราคาสินค้าเกษตรให้มีเสถียรภาพมากขึ้น เช่น การรับซื้อสินค้าเกษตรบางชนิดเก็บไว้ในสต๊อกช่วงที่ผลผลิตออกสู่ตลาดมาก การสนับสนุนให้เกษตรกรผลิตและใช้ปุ๋ยอินทรีย์ทดแทนสารเคมี ที่สำคัญควรส่งเสริมให้เกษตรกรผลิตสินค้าให้ได้มาตรฐานตามความต้องการของตลาด
 
“ภาพรวมภาคเกษตรทั้งปี 2551 คาดการณ์ว่าจะมีอัตราการขยายตัวประมาณร้อยละ 4.3 โดยผลผลิตสินค้าเกษตรที่เพิ่มขึ้น ได้แก่ ข้าว ข้าวโพด อ้อย พืชน้ำมัน ยางพารา และไก่เนื้อ แต่ถึงแม้ราคาสินค้าเกษตรปรับตัวสูงขึ้นในขณะนี้จะเป็นผลดีต่อเกษตรกร แต่ในระยะยาวแล้วเชื่อว่าต้นทุนการผลิตจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เกษตรกรจึงควรน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในการประกอบอาชีพ เพื่อความอยู่รอดและความมั่นคงในอนาคต” เลขาฯ สศก. กล่าว
 
ถึงแม้ภาพรวมสินค้าเกษตรหลายตัวจะมีอนาคตสดใส แต่กระทรวงเกษตรฯ ในฐานะเป็นหน่วยงานหลักที่ต้องดูแลรับผิดชอบเกษตรกรทั้งประเทศ ไม่ได้นิ่งนอนใจยังคงเร่งดำเนินการแก้ปัญหาสินค้าเกษตรต่อเนื่อง เพื่อให้เกษตรกรได้รับประโยชน์สูงสุด โดยเฉพาะการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์สินค้าเกษตรไทยในตลาดต่างประเทศ ล่าสุดเมื่อวันที่ 13-15 มิถุนายน ที่ผ่านมา ทาง นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้นำคณะผู้บริหารกระทรวงเกษตรฯ เดินทางไปประเทศญี่ปุ่นเพื่อจัดงานเผยแพร่สินค้าเกษตรไทย “Thai Fruit and Food Festa Opening Ceremony” ณ Roppongi Hills Arena กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งทำให้ผู้ บริโภคชาวญี่ปุ่นได้รู้จักอาหารและผลไม้ไทยมากขึ้น
 
หวังว่าการดำเนินการต่าง ๆ ของ กระทรวงเกษตรฯ จะเป็นนิมิตหมายอันดีของเกษตรกรไทยในฐานะผู้ผลิตสินค้าเกษตร ที่จะได้มีตลาดรองรับสินค้าที่แน่นอนมากขึ้น นำมาซึ่งรายได้และความเป็นอยู่ที่ดีในอนาคต เกษตรกรจะได้ลืมตาอ้าปากและหลุดพ้นจากวงจรหนี้สินเสียที

ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ วันที่ 25 มิถุนายน 2551
http://www.dailynews.co.th/web/html/popup_news/Default.aspx?Newsid=168071&NewsType=1&Template=1

ข่าวที่เกี่ยวข้อง
  • รวมอาชีพเกษตรกรรม ทำง่ายรายได้งาม ปี 2551
  • ม.บูรพาต่อยอดงานวิจัย "หิ้งสู่ห้าง" เพิ่มมูลค่า "ปลาสลิด" บ้านแพ้ว
  • กรมข้าวเตือนนครนายกเฝ้าระวัง เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลระบาดที่นา
  • ลดพิษของโลหะหนักในปลาด้วยวิตามินซี
  • เร่งปลูกถั่วเขียว พันธุ์ "ชัยนาท 80" นำร่องเหนือล่าง
  • ไทยเยี่ยมโคลนนิ่งกระทิงป่าได้สำเร็จ
  • "เจริญ คุ้มสุภา" ปลูกมะม่วงนอกฤดูขายญี่ปุ่น
  • ศูนย์นวัตกรรมเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

    Postharvest Technology Innovation Center

    เทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว | ข่าวเกษตร | บทความ | ฐานข้อมูลงานวิจัย | วีดีโอ | Postharvest Technology