͢¢ԷҡѧPostharvest Technology Information NetworkPostharvest TechnologyɵҪԡ͢纺촡ɵҹŧҹԨ

แนะนำหน่วยงาน

  • หน้าหลัก
  • ประชาสัมพันธ์ศูนย์ฯ
  • ความเป็นมา
  • วัตถุประสงค์
  • โครงสร้างการบริหาร
  • คณะกรรมการอำนวยการ
  • คณะกรรมการบริหาร
  • ภาคีสถาบันอุดมศึกษาและวิจัย
  • ติดต่อศูนย์ ฯ

บริการต่าง ๆ

  • PHTNET E-Learning
  • Postharvest Newsletter
  • เครื่องมือวิทยาศาสตร์
  • ห้องปฏิบัติการ
  • รายชื่อผู้ประกอบการ
  • ฐานข้อมูลผู้เชี่ยวชาญ
  • หลักสูตรวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยว
  • รูปภาพความเสียหายหลังการเก็บเกี่ยว
  • มาตรฐานสินค้าเกษตร และระเบียบการส่งออก
  • ลิ้งค์ที่เกี่ยวข้อง

หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

  • สถาบันวิจัยเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว
  • กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
  • กรมส่งเสริมการเกตร
  • กรมวิชาการเกษตร
  • สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร
  • อุตุนิยมวิทยาเพื่อการเกษตร
  • สมาคมผู้ส่งข้าวออกต่างประเทศ
  • ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย
  • สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (สวก.)

หน้าแรก > ข่าวเกษตรประจำวัน

แนะผลิตลำไยนอกฤดูป้อน 'ตรุษจีน'

เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 51

แนะผลิตลำไยนอกฤดูป้อน 'ตรุษจีน' นายทรงศักดิ์ วงษ์ภูมิวัฒน์ อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร เปิดเผยว่า ขณะนี้ชาวสวนลำไยนอกฤดูพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่และลำพูนได้เริ่มราดสารโพแทสเซียมคลอเรตบังคับให้ลำไยออกดอกและติดผล เพื่อให้ผลผลิตออกสู่ตลาดตรงตามช่วงที่ตลาดต้องการสูง คือ เทศกาลตรุษจีน ประมาณปลายเดือนมกราคม 2552 ซึ่งจะเร็วขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา สำหรับเกษตรกรที่ยังไม่ได้ราดสารเร่งออกดอก ควรราดให้แล้วเสร็จภายในกลางเดือนมิถุนายนนี้ จะสามารถเก็บเกี่ยวลำไยสดช่อป้อนตลาดได้ทันและจำหน่ายได้ราคาดี โดยเฉพาะผู้บริโภคในจีนและอินโดนีเซียมีความต้องการสูงมาก ซึ่งปีนี้ไทยมีการส่งออกลำไยสด/แช่แข็งไปแล้วทั้งสิ้น 60,824 ตัน คิดเป็นมูลค่า 869.16 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม เกษตรกรต้องเก็บเกี่ยวผลผลิตและจำหน่ายให้ผู้ส่งออกก่อนช่วงเทศกาลประมาณ 10-15 วัน ทั้งเทศกาลไหว้พระจันทร์  สารทจีน เทศกาลวันชาติจีน และเทศกาลตรุษจีนด้วย หรือส่งผลผลิตลำไยอย่างช้าไม่ควรเกิน 7 วัน จึงจะได้ราคาดี ถ้าเก็บเกี่ยวผลผลิตส่งพ่อค้าตรงกับช่วงเทศกาลพอดีราคาจะตกต่ำลง อาจขาดทุนได้ ดังนั้น เกษตรกรจึงควรวางแผนการผลิตให้สอดรับความต้องการของตลาด แล้วพัฒนาสินค้าให้ได้คุณภาพสูงจะไม่มีปัญหา สำหรับการผลิต ลำไยนอกฤดูของไทยปีนี้ ผลิตได้ไม่เพียงพอกับความต้องการของตลาด ผลผลิตส่วนใหญ่ส่งออกไปยังต่างประเทศ และราคาขยับตัวสูงขึ้นถึง 40-50 บาทต่อกิโลกรัม ถือว่าสูงมาก
 
นายทรงศักดิ์กล่าวอีกว่า เกษตรกรที่ตัดแต่งกิ่ง เตรียมต้นและราดสารเร่งการออกดอกไม่ทันกลางเดือนมิถุนายนนี้ ควรพักต้นและยืดระยะเวลาการผลิตลำไยนอกฤดูออกไป โดยสามารถราดสารโพแทสเซียมคลอเรตได้อีกครั้งประมาณเดือนสิงหาคม-กันยายน เพื่อให้เก็บเกี่ยวผลผลิตป้อนตลาดได้หลังช่วงเทศกาลตรุษจีน ราวปลายเดือนมีนาคม-เมษายน 2552 คาดว่าน่าจะเป็นที่ต้องการของตลาดและได้ราคาดีด้วย

ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ วันที่ 10 มิถุนายน 2551
http://www.dailynews.co.th/web/html/popup_news/Default.aspx?Newsid=166555&NewsType=1&Template=1

ข่าวที่เกี่ยวข้อง
  • รวมอาชีพเกษตรกรรม ทำง่ายรายได้งาม ปี 2551
  • ม.บูรพาต่อยอดงานวิจัย "หิ้งสู่ห้าง" เพิ่มมูลค่า "ปลาสลิด" บ้านแพ้ว
  • กรมข้าวเตือนนครนายกเฝ้าระวัง เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลระบาดที่นา
  • ลดพิษของโลหะหนักในปลาด้วยวิตามินซี
  • เร่งปลูกถั่วเขียว พันธุ์ "ชัยนาท 80" นำร่องเหนือล่าง
  • ไทยเยี่ยมโคลนนิ่งกระทิงป่าได้สำเร็จ
  • "เจริญ คุ้มสุภา" ปลูกมะม่วงนอกฤดูขายญี่ปุ่น
  • ศูนย์นวัตกรรมเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

    Postharvest Technology Innovation Center

    เทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว | ข่าวเกษตร | บทความ | ฐานข้อมูลงานวิจัย | วีดีโอ | Postharvest Technology