͢¢ԷҡѧPostharvest Technology Information NetworkPostharvest TechnologyɵҪԡ͢纺촡ɵҹŧҹԨ

แนะนำหน่วยงาน

  • หน้าหลัก
  • ประชาสัมพันธ์ศูนย์ฯ
  • ความเป็นมา
  • วัตถุประสงค์
  • โครงสร้างการบริหาร
  • คณะกรรมการอำนวยการ
  • คณะกรรมการบริหาร
  • ภาคีสถาบันอุดมศึกษาและวิจัย
  • ติดต่อศูนย์ ฯ

บริการต่าง ๆ

  • PHTNET E-Learning
  • Postharvest Newsletter
  • เครื่องมือวิทยาศาสตร์
  • ห้องปฏิบัติการ
  • รายชื่อผู้ประกอบการ
  • ฐานข้อมูลผู้เชี่ยวชาญ
  • หลักสูตรวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยว
  • รูปภาพความเสียหายหลังการเก็บเกี่ยว
  • มาตรฐานสินค้าเกษตร และระเบียบการส่งออก
  • ลิ้งค์ที่เกี่ยวข้อง

หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

  • สถาบันวิจัยเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว
  • กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
  • กรมส่งเสริมการเกตร
  • กรมวิชาการเกษตร
  • สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร
  • อุตุนิยมวิทยาเพื่อการเกษตร
  • สมาคมผู้ส่งข้าวออกต่างประเทศ
  • ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย
  • สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (สวก.)

หน้าแรก > ข่าวเกษตรประจำวัน

สินค้าเกษตรไทยไต่ระดับ 'ท็อปเทน' ในตลาดโลก

เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 51

สินค้าเกษตรไทยไต่ระดับ 'ท็อปเทน' ในตลาดโลก ไทยถือเป็นประเทศที่มีศักยภาพการผลิตและส่งออกอาหารสูง โดยเป็นผู้ส่งออกอาหารอันดับที่ 13 ของโลก สินค้าเกษตรส่งออกสำคัญที่นำรายได้เข้าประเทศสูงสุด 10 อันดับแรก ได้แก่ ยางพาราและผลิตภัณฑ์ คิดเป็นมูลค่า 330,768 ล้านบาท ข้าวและผลิตภัณฑ์ 126,968 ล้านบาท ปลาและผลิตภัณฑ์ 85,240 ล้านบาท กุ้งและผลิตภัณฑ์ 82,004 ล้านบาท ไม้และผลิตภัณฑ์ 58,729 ล้านบาท มันสำปะหลังและผลิตภัณฑ์ 48,672 ล้านบาท น้ำตาลและผลิตภัณฑ์ 48,609 ล้านบาท ผลไม้และผลิตภัณฑ์ 48,433 ล้านบาท กระดาษและผลิตภัณฑ์ 47,235 ล้านบาท และเนื้อไก่หรือเลือดของไก่ปรุงแต่งทำไว้มิให้เสีย มูลค่าส่งออก 32,122 ล้านบาท
 
นายสรพล เถระพัฒน์ ผอ. สำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) กล่าวว่า สหรัฐอเมริกาเป็นผู้นำเข้าสินค้าเกษตรรายใหญ่ ซึ่งปีที่ผ่านมาไทยมีการส่งออกสินค้าเกษตรและผลิตภัณฑ์ไปยังสหรัฐอเมริกามากเป็นอันดับหนึ่ง คิดเป็นมูลค่า 159,402 ล้านบาท อนาคตคาดว่าแนวโน้มการส่งออกจะเพิ่มสูงขึ้นอีก โดยเฉพาะผลไม้ที่มีศักยภาพส่งออกชนิดใหม่ ได้แก่ มังคุด ลำไย ลิ้นจี่ มะม่วง ทุเรียน และสมุนไพร ขณะเดียวกันประเทศไทยก็มีการนำเข้าจากสหรัฐด้วย คิดเป็นมูลค่า 49,861 ล้านบาท สำหรับสินค้าที่ไทยมีโอกาสนำเข้าเพิ่มขึ้น ได้แก่ เนื้อวัว/เนื้อหมู และผลิตภัณฑ์ เครื่องในสัตว์ นมและผลิตภัณฑ์ มันฝรั่งปรุงแต่ง ถั่วต่าง ๆ และผลไม้เมืองหนาว เป็นต้น
 
นอกจากนี้ไทยยังมีประเทศญี่ปุ่น จีน มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฮ่องกง เกาหลี อังกฤษ เวียดนาม และเนเธอร์แลนด์ เป็นตลาดส่งออกสำคัญและไทยยังได้เปรียบดุลการค้าด้วย โดยปี 2550 ไทยมีการส่งออกสินค้าเกษตรไปญี่ปุ่น มูลค่ากว่า 144,661 ล้านบาท นำเข้าจากญี่ปุ่น  35,868 ล้านบาท สำหรับสินค้าที่ไทยมีศักยภาพส่งออกเพิ่มเติมในอนาคต ได้แก่ สมุนไพรกวาวเครือขาว ข้าวโพดฝักอ่อน และพริกหวาน
 
ส่วนการค้าระหว่างไทย-จีนนั้นมีแนวโน้มสดใสเช่นกัน โดยไทยมีการส่งออกไปจีน มูลค่ากว่า 127,896 ล้านบาท นำเข้า 56,019 ล้านบาท สินค้าไทยที่มีศักยภาพเดิม ได้แก่ ปลาหมึกแช่แข็ง ปลาแช่แข็ง มันสำปะหลัง ลำไย ทุเรียน ส้มโอ มังคุด กล้วย สับปะรด ข้าวหอมมะลิ น้ำตาล ยางและผลิตภัณฑ์ และสินค้าใหม่ที่คาดว่าจะส่งออกได้เพิ่มขึ้น อาทิ กล้วยไม้ ลองกอง เงาะ มะพร้าวอ่อน มะขาม และน้ำมันปาล์ม ขณะเดียวกันไทยก็มีโอกาสนำเข้าสินค้าจากจีนเพิ่มขึ้นด้วย โดยเฉพาะกุ้งแช่แข็ง กระเทียม หอมหัวใหญ่ มันฝรั่ง เห็ด แครอท ส้ม แอปเปิ้ล สาลี่ องุ่น ลูกนัท บรอกโคลี ชา และไหม
 
ภายหลังประเทศไทยเปิดเสรีทางการค้าหรือเอฟทีเอ (FTA) กับออสเตรเลีย และเอฟทีเอไทย-นิวซีแลนด์ ส่งผลให้การส่งออกสินค้าเกษตรขยายตัวมากขึ้น ซึ่งปีที่ผ่านมาไทยได้เปรียบดุลการค้าออสเตรเลีย มูลค่ากว่า 8,176 ล้านบาท สำหรับสินค้าที่ไทยคาดว่าจะมีศักยภาพส่งออก เพิ่มขึ้น ได้แก่ เนื้อไก่ มังคุด ลำไย ลิ้นจี่ ทุเรียน สับปะรด มะม่วง ปลาสวยงาม และสมุนไพร แต่ที่น่าจับตา คือ การค้าระหว่างไทย-นิวซีแลนด์ภายใต้กรอบเอฟทีเอ ในปี 2550 ไทยมีมูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตรไปนิวซีแลนด์ ประมาณ 3,619 ล้านบาท ขณะที่นำเข้าสูงถึง 11,343  ล้านบาท ขาดดุลทางการค้ากว่า 7,724 ล้านบาท สินค้าที่คาดว่าจะเข้ามาตีตลาดในไทยมากขึ้น ได้แก่ เนื้อวัวและผลิตภัณฑ์ มันฝรั่ง ปลาแช่แข็ง นมและผลิตภัณฑ์ แอปเปิ้ลสด และเนย
 
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากชาวต่างชาติได้ยอมรับในคุณภาพและมาตรฐานการผลิตสินค้าเกษตรและอาหารของไทย ประกอบกับสถานการณ์การผลิตอาหารของโลก มีแนวโน้มลดลงเข้าสู่วิกฤติขาดแคลน ซึ่งนับเป็นโอกาสของสินค้าเกษตรไทยที่จะขยายสู่ตลาดโลกได้เพิ่มขึ้น ซึ่งเกษตรกร, ผู้ประกอบการต้องเร่งปรับปรุงและพัฒนาระบบการผลิตให้ได้มาตรฐาน เน้นผลิตสินค้าที่มีคุณภาพ ปลอดภัย เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้บริโภคและผู้นำเข้า  ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นจุดแข็งที่ช่วยผลักดันการส่งออกได้เพิ่มขึ้นตามลำดับ

ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ วันที่ 3 มิถุนายน 2551
http://www.dailynews.co.th/web/html/popup_news/Default.aspx?Newsid=165812&NewsType=1&Template=1

ข่าวที่เกี่ยวข้อง
  • รวมอาชีพเกษตรกรรม ทำง่ายรายได้งาม ปี 2551
  • ม.บูรพาต่อยอดงานวิจัย "หิ้งสู่ห้าง" เพิ่มมูลค่า "ปลาสลิด" บ้านแพ้ว
  • กรมข้าวเตือนนครนายกเฝ้าระวัง เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลระบาดที่นา
  • ลดพิษของโลหะหนักในปลาด้วยวิตามินซี
  • เร่งปลูกถั่วเขียว พันธุ์ "ชัยนาท 80" นำร่องเหนือล่าง
  • ไทยเยี่ยมโคลนนิ่งกระทิงป่าได้สำเร็จ
  • "เจริญ คุ้มสุภา" ปลูกมะม่วงนอกฤดูขายญี่ปุ่น
  • ศูนย์นวัตกรรมเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

    Postharvest Technology Innovation Center

    เทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว | ข่าวเกษตร | บทความ | ฐานข้อมูลงานวิจัย | วีดีโอ | Postharvest Technology