���͢��¢������Է�ҡ����ѧ����������Postharvest Technology Information NetworkPostharvest Technology�����ɵ���������Ҫԡ���͢������纺��촡���ɵ��ҹ�����ŧҹ�Ԩ��

แนะนำหน่วยงาน

  • หน้าหลัก
  • ประชาสัมพันธ์ศูนย์ฯ
  • ความเป็นมา
  • วัตถุประสงค์
  • โครงสร้างการบริหาร
  • คณะกรรมการอำนวยการ
  • คณะกรรมการบริหาร
  • ภาคีสถาบันอุดมศึกษาและวิจัย
  • ติดต่อศูนย์ ฯ

บริการต่าง ๆ

  • PHTNET E-Learning
  • Postharvest Newsletter
  • เครื่องมือวิทยาศาสตร์
  • ห้องปฏิบัติการ
  • รายชื่อผู้ประกอบการ
  • ฐานข้อมูลผู้เชี่ยวชาญ
  • หลักสูตรวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยว
  • รูปภาพความเสียหายหลังการเก็บเกี่ยว
  • มาตรฐานสินค้าเกษตร และระเบียบการส่งออก
  • ลิ้งค์ที่เกี่ยวข้อง

หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

  • สถาบันวิจัยเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว
  • กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
  • กรมส่งเสริมการเกตร
  • กรมวิชาการเกษตร
  • สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร
  • อุตุนิยมวิทยาเพื่อการเกษตร
  • สมาคมผู้ส่งข้าวออกต่างประเทศ
  • ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย
  • สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (สวก.)

หน้าแรก > ข่าวเกษตรประจำวัน

เตือนชาวสวนลำไยระวังโรคระบาดช่วงฝน

เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 51

เตือนชาวสวนลำไยระวังโรคระบาดช่วงฝน นายทรงศักดิ์ วงษ์ภูมิวัฒน์ อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร เตือนเกษตรกรผู้ปลูกลำไยในช่วงฤดูฝนหรือช่วงที่มีฝนตกชุกติดต่อกันหลายวันซึ่งจะมีความชื้นสูง ผู้ปลูกลำไยควรมีการเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของโรคจุดสาหร่ายสนิมซึ่งอาจแพร่ระบาดโดยสปอร์จะปลิวไปตามลม และน้ำก็เป็นพาหะอย่างหนึ่งที่นำสปอร์ไปสู่ต้นอื่นได้ ลักษณะอาการของโรคดังกล่าวส่วนใหญ่จะเกิดที่ใบโดยเกิดจุดค่อนข้างกลม ขนาด 0.5-1 เซนติเมตร ระยะแรกจะเป็นขุยสีเขียว จากนั้นเป็นระยะสปอร์จะเห็นเป็นสีแดงหรือสีสนิมเหล็ก ผิวมีลักษณะเป็นขุยคล้ายกำมะหยี่ หากเกิดที่ใบจะไม่รุนแรงมากนัก

หากเกษตรกรตรวจพบโรคนี้ ควรฉีดพ่นด้วยสารป้องกันกำจัดเชื้อราจำพวกสารประกอบทองแดง เช่น คอปเปอร์ออกซีคลอไรด์ ในอัตราส่วน 50 กรัม/น้ำ 20 ลิตร จะช่วยแก้ปัญหาได้

“นอกจากนี้เกษตรกรยังต้องหมั่นสำรวจตรวจสอบโรคราสีชมพูในสวนลำไยด้วย ซึ่งโรคมักแพร่ระบาดในช่วงฤดูฝนเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะกิ่งล่างมักถูกเชื้อราเข้าทำลายและเกิดโรคอยู่ทั่วไป ทรงพุ่มลำไยที่หนาทึบเป็นปัจจัยส่งเสริมให้การแพร่ระบาดของโรคราสีชมพูได้มากและเร็วขึ้น” นายทรงศักดิ์ กล่าว

นายทรงศักดิ์กล่าวอีกว่า โรคราสีชมพูมักเกิดที่กิ่งโดยเฉพาะง่ามของกิ่งหรือลำต้น สำหรับกิ่งที่เป็นโรคใบจะปรากฏสีเหลืองซีดและเมื่อโรครุนแรงอาจทำให้ใบร่วงเหลือแต่กิ่ง บริเวณกิ่งที่ถูกทำลายจะมีคราบของเชื้อราสีขาวอมชมพูแผ่ขยายปกคลุมคล้ายทาด้วยสีชมพู หากตรวจพบโรค ดังกล่าว ควรตัดแต่งกิ่งเป็นโรคออกไปเผา เพื่อลดปริมาณเชื้อโรคและให้มีการถ่ายเทอากาศดีขึ้น แล้วพ่นด้วยสารเคมีตรงส่วนที่เป็นโรคด้วยสารคอปเปอร์ออกซีคลอไรด์ อัตราส่วน 50 กรัม/น้ำ 20 ลิตร หรือพ่นด้วยสารเอดิเฟนฟอส ในอัตราส่วน 30 กรัม/น้ำ 20 ลิตร

ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ วันที่ 20 พฤษภาคม 2551
http://www.dailynews.co.th/web/html/popup_news/Default.aspx?Newsid=164362&NewsType=1&Template=1

ข่าวที่เกี่ยวข้อง
  • รวมอาชีพเกษตรกรรม ทำง่ายรายได้งาม ปี 2551
  • ม.บูรพาต่อยอดงานวิจัย "หิ้งสู่ห้าง" เพิ่มมูลค่า "ปลาสลิด" บ้านแพ้ว
  • กรมข้าวเตือนนครนายกเฝ้าระวัง เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลระบาดที่นา
  • ลดพิษของโลหะหนักในปลาด้วยวิตามินซี
  • เร่งปลูกถั่วเขียว พันธุ์ "ชัยนาท 80" นำร่องเหนือล่าง
  • ไทยเยี่ยมโคลนนิ่งกระทิงป่าได้สำเร็จ
  • "เจริญ คุ้มสุภา" ปลูกมะม่วงนอกฤดูขายญี่ปุ่น
  • ศูนย์นวัตกรรมเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

    Postharvest Technology Innovation Center

    เทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว | ข่าวเกษตร | บทความ | ฐานข้อมูลงานวิจัย | วีดีโอ | Postharvest Technology