͢¢ԷҡѧPostharvest Technology Information NetworkPostharvest TechnologyɵҪԡ͢纺촡ɵҹŧҹԨ

แนะนำหน่วยงาน

  • หน้าหลัก
  • ประชาสัมพันธ์ศูนย์ฯ
  • ความเป็นมา
  • วัตถุประสงค์
  • โครงสร้างการบริหาร
  • คณะกรรมการอำนวยการ
  • คณะกรรมการบริหาร
  • ภาคีสถาบันอุดมศึกษาและวิจัย
  • ติดต่อศูนย์ ฯ

บริการต่าง ๆ

  • PHTNET E-Learning
  • Postharvest Newsletter
  • เครื่องมือวิทยาศาสตร์
  • ห้องปฏิบัติการ
  • รายชื่อผู้ประกอบการ
  • ฐานข้อมูลผู้เชี่ยวชาญ
  • หลักสูตรวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยว
  • รูปภาพความเสียหายหลังการเก็บเกี่ยว
  • มาตรฐานสินค้าเกษตร และระเบียบการส่งออก
  • ลิ้งค์ที่เกี่ยวข้อง

หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

  • สถาบันวิจัยเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว
  • กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
  • กรมส่งเสริมการเกตร
  • กรมวิชาการเกษตร
  • สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร
  • อุตุนิยมวิทยาเพื่อการเกษตร
  • สมาคมผู้ส่งข้าวออกต่างประเทศ
  • ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย
  • สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (สวก.)

หน้าแรก > ข่าวเกษตรประจำวัน

ผ่ากึ๋น "อธิบดีทรงศักดิ์" ล้วงวิธีทำ "ลำไยนอกฤดู"

เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 51

ผ่ากึ๋น "อธิบดีทรงศักดิ์" ล้วงวิธีทำ "ลำไยนอกฤดู"

การทำให้ผลผลิต" ลำไยนอกฤดู" มีคุณภาพสูงนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยาก ปัจจุบันเกษตรกรผู้ปลูกลำไยได้หันมาผลิตลำไยนอกฤดูแพร่หลายมากขึ้น

ซึ่งปีนี้คาดว่าจะมีพื้นที่ปลูกประมาณ 80,000-100,000 ไร่ กระจายอยู่ในเขตภาคเหนือ โดยเฉพาะ จ.เชียงใหม่ จ.เชียงราย จ.ลำพูน และ จ.พะเยา รวมทั้งภาคตะวันออก เช่น จ.จันทบุรี เป็นต้น โดยลำไยนอกฤดูจะให้ผลผลิตออกสู่ตลาดช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคมของทุกปี

"หลังการชักนำให้ลำไยออกดอกและติดผล ถือเป็นช่วงสำคัญที่เกษตรกรควรใส่ใจ ถ้าบำรุงต้นลำไยดีก็จะได้ผลผลิตที่มีคุณภาพสูง โดยภายหลังราดสารโพแทสเซียมคลอเรตเพื่อชักนำการออกดอกของต้นลำไยแล้ว ควรหมั่นดูแลบำรุงรักษาต้นลำไยในสวนอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะการให้น้ำและปุ๋ยเคมี ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อคุณภาพผลผลิต" ทรงศักดิ์ วงศ์ภูมิวัฒน์ อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร ในฐานะผู้เชี่ยวชาญเรื่องลำไยให้คำแนะนำพร้อมย้ำว่า

ส่วนปริมาณการให้น้ำอาจคำนวณการใช้น้ำของลำไยแต่ละต้นต่อวัน โดยคำนวณจากพื้นที่ทรงพุ่มคูณกับค่าการใช้น้ำจริงต่อวัน เช่น ต้นลำไยขนาดทรงพุ่ม 3 เมตร ในเดือนพฤษภาคม ควรใช้น้ำ 42 ลิตรต่อวัน เป็นต้น ทั้งนี้ต้องคำนึงถึงความสามารถในการอุ้มน้ำของดิน สภาพภูมิอากาศ วิธีการให้น้ำและระยะการเจริญเติบโตของพืชด้วย

การให้ปุ๋ยเคมีนั้น เกษตรกรควรส่งตัวอย่างดินในสวนลำไยไปวิเคราะห์คุณภาพดินก่อน ซึ่งจะทำให้ทราบถึงปริมาณธาตุอาหารที่มีอยู่แล้วในดินเพื่อที่จะได้ปรับปรุงดินก่อนใส่ปุ๋ย จะส่งผลให้ลำไยใช้ปุ๋ยได้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้อาจมีการวิเคราะห์ปริมาณธาตุอาหารในใบลำไยร่วมด้วย เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการให้ปุ๋ยในฤดูผลิตปีถัดไป

อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตรให้รายละเอียดถึงวิธีการใช้ปุ๋ยว่าสำหรับอัตราการให้ปุ๋ยเคมีแก่ต้นลำไยขึ้นอยู่กับปริมาณผลผลิตต่อต้น เช่น ถ้าลำไยติดผลมากก็ใส่มาก หากติดผลน้อยก็ลดปริมาณการใช้ปุ๋ยเคมีลง เช่น ต้นที่คาดว่าจะได้ผลผลิตประมาณ 100 กิโลกรัม ควรใส่ปุ๋ยเคมีสูตร 46-0-0 จำนวน 900 กรัมต่อต้น ปุ๋ยสูตร 15-15-15 จำนวน 960 กรัมต่อต้น และปุ๋ยสูตร 0-0-60 จำนวน 880 กรัมต่อต้น โดยแบ่งใส่ 2-3 ครั้งในปริมาณเท่าๆ กัน ทั้งนี้ลำไยแต่ละสวนอาจตอบสนองต่อปุ๋ยที่ให้แตกต่างกัน ซึ่งเป็นผลมาจากความแตกต่างของดินและฝีมือการจัดการสวน

การปรับปรุงคุณภาพผลลำไย ทรงศักดิ์ย้ำว่าถือเป็นเรื่องสำคัญ หากลำไยติดผลดกมากกว่า 80 ผลต่อช่อ โอกาสที่จะได้ผลผลิตด้อยคุณภาพก็มีค่อนข้างสูง เนื่องจากธาตุอาหารที่ส่งไปหล่อเลี้ยงผลอาจไม่เพียงพอ ดังนั้น จึงควรตัดช่อผลให้เหลือไม่เกิน 50 ผลต่อช่อ โดยพิจารณาความสมบูรณ์ของต้นการตัดช่อผลควรตัดเมื่อมีผลขนาดเท่ากับเมล็ดถั่วเขียว  โดยใช้กรรไกรตัดตรงกลางช่อผล

"เกษตรกรยังสามารถปรับปรุงสีผิวผลลำไย โดยการห่อช่อผลด้วยกระดาษหนังสือพิมพ์หนาประมาณ 2 ชั้น ซึ่งก่อนห่อช่อผลควรทำการฉีดพ่นสารป้องกันกำจัดศัตรูพืชก่อน โดยต้องห่อช่อผลเมื่อเมล็ดลำไยเริ่มเปลี่ยนสี หรือห่อไว้ประมาณ 8 สัปดาห์ก่อนการเก็บเกี่ยว จะช่วยให้ได้ผลผลิตลำไยที่มีคุณภาพดี ผิวเปลือกมีสีเหลืองสวย เป็นจุดขายอย่างหนึ่งที่ช่วยดึงดูดผู้บริโภค" ผู้เชี่ยวชาญเรื่องลำไยแนะนำ พร้อมย้ำถึงวิธีการปัญหาการระบาดของโรคและแมลงว่า

จะพบมากในช่วงลำไยติดผล ศัตรูพืชที่สำคัญได้แก่ เพลี้ยไฟ และไรสี่ขา ถ้าระบาดอย่างรุนแรงควรพ่นสารเมทโธเอท ทั้งนี้ ไม่ควรพ่นสารฆ่าแมลงในช่วงดอกบาน เนื่องจากอาจจะเป็นอันตรายต่อแมลงที่ช่วยผสมเกสร สำหรับช่วงติดผลให้ระมัดระวังแมลงปากดูด เช่น เพลี้ยหอย เพลี้ยแป้ง ควรดูแลตั้งแต่ผลขนาดเล็ก โดยใช้น้ำมันปิโตรเลียมหรือไวท์ออยล์ฉีดพ่น จะสามารถช่วยป้องกันและควบคุมการระบาดของแมลงศัตรูพืชได้

ที่มา : หนังสือพิมพ์คม ชัด ลึก วันที่ 13 พฤษภาคม 2551
http://www.komchadluek.net/2008/05/13/x_agi_b001_202204.php?news_id=202204

ข่าวที่เกี่ยวข้อง
  • รวมอาชีพเกษตรกรรม ทำง่ายรายได้งาม ปี 2551
  • ม.บูรพาต่อยอดงานวิจัย "หิ้งสู่ห้าง" เพิ่มมูลค่า "ปลาสลิด" บ้านแพ้ว
  • กรมข้าวเตือนนครนายกเฝ้าระวัง เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลระบาดที่นา
  • ลดพิษของโลหะหนักในปลาด้วยวิตามินซี
  • เร่งปลูกถั่วเขียว พันธุ์ "ชัยนาท 80" นำร่องเหนือล่าง
  • ไทยเยี่ยมโคลนนิ่งกระทิงป่าได้สำเร็จ
  • "เจริญ คุ้มสุภา" ปลูกมะม่วงนอกฤดูขายญี่ปุ่น
  • ศูนย์นวัตกรรมเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

    Postharvest Technology Innovation Center

    เทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว | ข่าวเกษตร | บทความ | ฐานข้อมูลงานวิจัย | วีดีโอ | Postharvest Technology