͢¢ԷҡѧPostharvest Technology Information NetworkPostharvest TechnologyɵҪԡ͢纺촡ɵҹŧҹԨ

แนะนำหน่วยงาน

  • หน้าหลัก
  • ประชาสัมพันธ์ศูนย์ฯ
  • ความเป็นมา
  • วัตถุประสงค์
  • โครงสร้างการบริหาร
  • คณะกรรมการอำนวยการ
  • คณะกรรมการบริหาร
  • ภาคีสถาบันอุดมศึกษาและวิจัย
  • ติดต่อศูนย์ ฯ

บริการต่าง ๆ

  • PHTNET E-Learning
  • Postharvest Newsletter
  • เครื่องมือวิทยาศาสตร์
  • ห้องปฏิบัติการ
  • รายชื่อผู้ประกอบการ
  • ฐานข้อมูลผู้เชี่ยวชาญ
  • หลักสูตรวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยว
  • รูปภาพความเสียหายหลังการเก็บเกี่ยว
  • มาตรฐานสินค้าเกษตร และระเบียบการส่งออก
  • ลิ้งค์ที่เกี่ยวข้อง

หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

  • สถาบันวิจัยเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว
  • กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
  • กรมส่งเสริมการเกตร
  • กรมวิชาการเกษตร
  • สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร
  • อุตุนิยมวิทยาเพื่อการเกษตร
  • สมาคมผู้ส่งข้าวออกต่างประเทศ
  • ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย
  • สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (สวก.)

หน้าแรก > ข่าวเกษตรประจำวัน

ทฤษฏีใหม่ใจกลางกรุงสร้างรายได้ 450,000 ต่อปี

เมื่อวันที่ 25 เมษายน 51

ทฤษฏีใหม่ใจกลางกรุงสร้างรายได้ 450,000 ต่อปี สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ได้จัดทำโครงการเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 และได้จัดการประกวดผลงานตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงขึ้น เมื่อปี 2550 ที่ผ่านมานั้น ในความสำเร็จของผลงานตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง หนึ่งในรางวัลรองชนะเลิศด้านเกษตรทฤษฎีใหม่ เป็นของเกษตรกรในพื้นที่กรุงเทพมหานคร คือนายณรงค์ บัวสี บ้านเลขที่ 8 หมู่ 14 แขวงสะพานสูง เขตสะพานสูง กรุงเทพมหานคร ชีวิตของณรงค์เหมือนบุคคลทั่วไป คือประกอบอาชีพเกษตรกรรม และเรียนจบเพียงชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 แต่ด้วยความที่เป็นคนชอบเรียนรู้ จึงได้เข้ารับการอบรมหลักสูตรต่าง ๆ มากมาย จนกระทั่งมาประกอบอาชีพการทำเกษตรทฤษฎีใหม่ จึงทำให้เขามีรายได้จากปีที่ผ่านมาถึง 450,000 บาท/ปี มีรายจ่าย 50,000 บาท/ปี ดังนั้นจึงมีเงินเหลือจ่ายถึง 400,000 บาทต่อปี

นายเฉลิมเกียรติ แสนวิเศษ เลขาธิการคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เปิดเผยว่า นายณรงค์เริ่มทำการเกษตรทฤษฎีใหม่ตามแนวพระราชดำริ ตั้งแต่ปี 2542 บนพื้นที่ 27 ไร่ เหตุผลที่ทำทฤษฎี  ใหม่ เนื่องจากพบว่าการทำเกษตรอย่างเดียวนั้น จะทำให้ตนเองและครอบครัวประสบปัญหาขาดทุน เนื่องจากบางปีผลผลิตออกมาก ทำให้ราคาตกต่ำไม่คุ้มค่ากับการลงทุน จึงได้ปรับปรุงพื้นที่ในแปลงเกษตรของตนเองให้มีการทำการเกษตรหลากหลายขึ้นมา และจากการที่ได้ทำการเกษตรแบบทฤษฎีใหม่ โดยแบ่งพื้นที่สำหรับปลูกข้าวจำนวน 12 ไร่ และปลูกถึง 3 ครั้งต่อปี ได้ผลผลิต 1,000 กิโลกรัมต่อไร่ ขณะเดียวกันนำพืชอื่น ๆ มาปลูกรอบแปลงนา เช่น ปาล์ม ผักสวนครัว แตงไทย และฟักทอง เป็นต้น เพื่อให้เกิดความหลากหลายและมีรายได้อย่างต่อเนื่องด้วย

นอกจากข้าวแล้วเขายังมีแหล่งน้ำเป็นของตนเองด้วยการขุดสระน้ำขนาด 8x12x2 เมตร จำนวน 3 บ่อ และขนาด 8x30x2 เมตร อีกจำนวน 3 บ่อ เพื่อนำน้ำมาใช้ในช่วงหน้าแล้ง โดยน้ำที่ใช้เป็นหลักคือน้ำฝน และลำคลองธรรมชาติ ในสระก็จะเลี้ยงปลาตะเพียน ปลานิล ปลาดุก ปลาหมอ ซึ่งเป็นการเพิ่มรายได้อีกทางหนึ่ง ทำให้ทุกวันเขามีรายได้เข้ามาเลี้ยงครอบครัวอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากไม่ต้องพึ่งพิงรายได้จากพืชหรือสัตว์ชนิดใดชนิดหนึ่งเท่านั้น

พื้นที่ 8 ไร่ ที่เหลือจากนาข้าว สระน้ำ แล้วเขายังได้ปลูกพืชผักสมุนไพรและผลไม้ ได้แก่ มะม่วง มะพร้าว ขนุน กระท้อน และไม้ประดับเพื่อเป็นรายได้เสริม ได้แก่ ต้นโมก เตยหอม เป็นต้น และพื้นที่ส่วนหนึ่งใช้เป็นที่พักอาศัย และโรงเรือนส่วนหนึ่งให้เช่าที่ดินไปทำโฮมสเตย์ และเป็นโรงสีข้าวชุมชน และเมื่อเดือนมกราคม 2551 จากความมุ่งมั่นจริงจังในการทำการเกษตรทฤษฎีใหม่ของนายณรงค์ ก่อให้เกิดการเรียนรู้และพัฒนาการเกษตรอย่างมีส่วนร่วม กรุงเทพมหานครได้ประกาศเป็นโรงเรียนเกษตรทฤษฎีใหม่ตามแนวพระราชดำริ ถือได้ว่าเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ต้นแบบให้ชาว กทม. ได้เรียนรู้อย่างเป็นรูปธรรม
 
นายณรงค์ ทำการเกษตรด้วยการยึดหลักการ “ปลูกทุกอย่างที่กิน กินทุกอย่างที่ปลูก” ในบริเวณแปลงเกษตรจะปลูกพืชหลาย ๆ อย่าง ทั้งพืชไร่ ไม้ผล ไม้ประดับ ผักต่าง ๆ ซึ่งสามารถที่จะนำมาบริโภคในครัวเรือน ที่เหลือก็จะนำไปขายเป็นรายได้แก่ครอบครัวมีความพอประมาณ”
 
ในการทำการเกษตรนั้นนายณรงค์ จะเน้นในเรื่องการเตรียมดิน จะใช้ปุ๋ยหมัก ปุ๋ยอินทรีย์ เป็นหลัก ใช้ศัตรูธรรมชาติในการป้องกันโรค แมลง เพื่อรักษาสมดุลธรรมชาติ เพื่อให้ดินมีคุณภาพและที่เหลือก็จะนำไปขายเพื่อเพิ่มรายได้ให้แก่ครอบครัว มีการปลูกพืชหลาย ๆ ชนิดเพื่อเป็นหลักประกันให้กับตนเอง ถ้าผลผลิตชนิดไหนตกต่ำก็จะมีผลผลิตอย่างอื่นเข้ามาทดแทน

“ในชุมชนสะพานสูงจะมีทั้งคนนับถือศาสนาพุทธและอิสลาม แต่ก็ได้ช่วยเหลือเกื้อกูลกันใช้ชีวิตอย่างมีความสุขเพราะทุกคนมีน้ำใจที่ดีต่อกันถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์ที่ได้รับจากการประกอบอาชีพการเกษตรให้กับผู้ที่สนใจ ตลอดจนเด็ก ๆ นักเรียนที่เข้ามาศึกษาดูงานอยู่เป็นประจำ มีการรวมกลุ่มในการผลิต และระดมทุนเพื่อใช้เป็นทุนในการผลิต และให้สมาชิกในกลุ่มกู้ยืมไปใช้ในการประกอบอาชีพโดยไม่คิดดอกเบี้ย ซึ่งเป็นการเอื้อเฟื้อและดูแลซึ่งกันและกัน อันแสดงถึงความสามัคคีในชุมชนอย่างเห็นได้ชัดอีกด้วย” นายเฉลิมเกียรติ กล่าว

ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ วันที่ 25 เมษายน 2551
http://www.dailynews.co.th/web/html/popup_news/Default.aspx?Newsid=161798&NewsType=1&Template=1

ข่าวที่เกี่ยวข้อง
  • รวมอาชีพเกษตรกรรม ทำง่ายรายได้งาม ปี 2551
  • ม.บูรพาต่อยอดงานวิจัย "หิ้งสู่ห้าง" เพิ่มมูลค่า "ปลาสลิด" บ้านแพ้ว
  • กรมข้าวเตือนนครนายกเฝ้าระวัง เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลระบาดที่นา
  • ลดพิษของโลหะหนักในปลาด้วยวิตามินซี
  • เร่งปลูกถั่วเขียว พันธุ์ "ชัยนาท 80" นำร่องเหนือล่าง
  • ไทยเยี่ยมโคลนนิ่งกระทิงป่าได้สำเร็จ
  • "เจริญ คุ้มสุภา" ปลูกมะม่วงนอกฤดูขายญี่ปุ่น
  • ศูนย์นวัตกรรมเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

    Postharvest Technology Innovation Center

    เทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว | ข่าวเกษตร | บทความ | ฐานข้อมูลงานวิจัย | วีดีโอ | Postharvest Technology