͢¢ԷҡѧPostharvest Technology Information NetworkPostharvest TechnologyɵҪԡ͢纺촡ɵҹŧҹԨ

แนะนำหน่วยงาน

  • หน้าหลัก
  • ประชาสัมพันธ์ศูนย์ฯ
  • ความเป็นมา
  • วัตถุประสงค์
  • โครงสร้างการบริหาร
  • คณะกรรมการอำนวยการ
  • คณะกรรมการบริหาร
  • ภาคีสถาบันอุดมศึกษาและวิจัย
  • ติดต่อศูนย์ ฯ

บริการต่าง ๆ

  • PHTNET E-Learning
  • Postharvest Newsletter
  • เครื่องมือวิทยาศาสตร์
  • ห้องปฏิบัติการ
  • รายชื่อผู้ประกอบการ
  • ฐานข้อมูลผู้เชี่ยวชาญ
  • หลักสูตรวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยว
  • รูปภาพความเสียหายหลังการเก็บเกี่ยว
  • มาตรฐานสินค้าเกษตร และระเบียบการส่งออก
  • ลิ้งค์ที่เกี่ยวข้อง

หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

  • สถาบันวิจัยเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว
  • กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
  • กรมส่งเสริมการเกตร
  • กรมวิชาการเกษตร
  • สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร
  • อุตุนิยมวิทยาเพื่อการเกษตร
  • สมาคมผู้ส่งข้าวออกต่างประเทศ
  • ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย
  • สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (สวก.)

หน้าแรก > ข่าวเกษตรประจำวัน

"ผักปลัง" จากผักพื้นบ้าน สู่ผักเศรษฐกิจ "เงินแสน"

เมื่อวันที่ 9 มกราคม 51

"ผักปลัง" จากผักพื้นบ้าน สู่ผักเศรษฐกิจ "เงินแสน"

พื้นที่เกษตรกว่า 15 ไร่ ริมถนนแจ้งสนิท ต.นิเวศน์ อ.ธวัชบุรี จ.ร้อยเอ็ด ของ คงศักดิ์ นาคคุ้ม กลายเป็นแปลงเกษตรที่เพื่อนเกษตรกรให้ความสนใจแวะเยี่ยมชมไม่ขาดสาย

หลังเจ้าของได้นำ "ผักปลัง" ซึ่งเป็นผักพื้นบ้านมาปลูก และพัฒนาจนเป็นผักที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้บริโภค ทั้งในจังหวัดและพื้นที่ใกล้เคียง

คงศักดิ์ กล่าวว่า แปลงเกษตรของตัวเองนี้ปลูกผักหลายชนิด มีทั้ง คะน้า กะหล่ำปลี แต่ที่ได้รับความนิยมและเป็นที่ต้องการของตลาดทั้งในจังหวัดและจังหวัดใกล้เคียง ตลอดจนในเมืองใหญ่อย่างกรุงเทพฯ ขณะนี้คือผักปลัง ผักพื้นบ้านที่เกือบจะศูนย์หายไป แต่เพราะได้รับทราบจากผู้เฒ่าผู้แก่ว่า "ผักปลัง" ซึ่งเป็นไม้เลื้อยที่ชาวเหนือเรียกผักปั๋ง เป็นผักที่มีรสหวานเนื้อนุ่ม กินได้ทั้งยอดอ่อน ใบอ่อน และดอก จึงได้นำเมล็ดผักนี้มาปลูกเมื่อปี 2547

"ผักปลังมีคุณค่าทางอาหารมากมาย มีแคลเซียม 40 มิลลิกรัม ฟอสฟอรัส 40 มิลลิกรัม เบต้าแคโรทีน 2.866 ไมโครกรัม วิตามินเอ 478 ไมโครกรัม ช่วยบำรุงสายตา และฟันให้แข็งแรง" เจ้าของแปลงเกษตรเล่าถึงที่มาของการปลูกผักปลัง ซึ่งเขามองว่าเป็นผักพื้นบ้าน แต่ให้คุณค่าทางโภชนาการสูง

พร้อมอธิบายถึงวิธีการปลูกว่า ปลูกด้วยเมล็ดจะมีอายุดีกว่าการปักชำ เริ่มจากเพาะเมล็ดในกระบะราว 2 เดือน จากนั้นนำกล้าไปปลูกในหลุมที่ขุดเตรียมไว้ขนาด 50x50x50 เซนติเมตร ระยะปลูกที่เหมาะสม 80X80 เซนติเมตร ปรับปรุงให้ดินร่วนซุย รองก้นหลุมด้วยปุ๋ยอินทรีย์ ปุ๋ยหมัก หรือปุ๋ยคอก และแกลบดำเพื่อรักษาความชื้น จากนั้น 15 วัน ควรเสริมด้วยปุ๋ยชีวภาพประมาณ 1 ช้อนโต๊ะต่อหลุม โดยหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกใบ เพราะจะทำให้ใบเสีย และจะทำให้คุณภาพราคาตกต่ำ

"ผักปลังเป็นพืชอวบน้ำ ต้องการความชื้นอย่างต่อเนื่อง แกลบดำจะช่วยให้ระบบรากเจริญเติบโตเร็วทำให้ต้นอวบ หลังการปลูก 15-20 วัน ก็เด็ดยอดได้ทันทีไม่ต้องปล่อยให้เลื้อย การตัดยอดให้สูงจากดิน 25-30 เซนติเมตร ราคาส่งขั้นต่ำกิโลกรัมละ 50 บาท ขณะนี้ทางเกษตรจังหวัดร้อยเอ็ด ได้ส่งเสริมให้เพื่อนเกษตรกรปลูกกันมากขึ้น อย่างช่วงฤดูหนาวผักปลังจะขาดตลาดมาก" คงศักดิ์ แจงและกล่าวถึงช่องทางการตลาดว่า ขณะนี้ผักปลังที่แปลงได้ส่งจำหน่ายเซเว่นอีเลฟเว่นด้วย โดยแต่ละปีสามารถสร้างรายได้กว่า 3-4 แสนบาท

พร้อมกันนี้ คงศักดิ์ ได้กล่าวฝากถึงเพื่อนเกษตรกรที่สนใจจะปลูก ตลอดจนผู้ต้องการเข้ามาศึกษาดูงานที่แปลงก็ให้ไปเยี่ยมชมได้ที่แปลงเกษตร ยินดีต้อนรับและพร้อมให้รายละเอียดกับทุกท่าน

ที่มา : หนังสือพิมพ์คม ชัด ลึก วันที่ 9 มกราคม 2551
http://www.komchadluek.net/2008/01/09/b001_184704.php?news_id=184704

ข่าวที่เกี่ยวข้อง
  • รวมอาชีพเกษตรกรรม ทำง่ายรายได้งาม ปี 2551
  • ม.บูรพาต่อยอดงานวิจัย "หิ้งสู่ห้าง" เพิ่มมูลค่า "ปลาสลิด" บ้านแพ้ว
  • กรมข้าวเตือนนครนายกเฝ้าระวัง เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลระบาดที่นา
  • ลดพิษของโลหะหนักในปลาด้วยวิตามินซี
  • เร่งปลูกถั่วเขียว พันธุ์ "ชัยนาท 80" นำร่องเหนือล่าง
  • ไทยเยี่ยมโคลนนิ่งกระทิงป่าได้สำเร็จ
  • "เจริญ คุ้มสุภา" ปลูกมะม่วงนอกฤดูขายญี่ปุ่น
  • ศูนย์นวัตกรรมเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

    Postharvest Technology Innovation Center

    เทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว | ข่าวเกษตร | บทความ | ฐานข้อมูลงานวิจัย | วีดีโอ | Postharvest Technology