งานวิจัยสู่การนำไปใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์

ศูนย์นวัตกรรมเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว


เทคโนโลยีการกำจัดแมลงด้วยคลื่นความถี่วิทยุ (Radio frequency)

ทีมวิจัย

  • นักวิจัยจากคณะเกษตรศาสตร์ และคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
  • ศูนย์นวัตกรรมเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว

ความร่วมมือกับภาคเอกชน

  • บริษัท ยนต์ผลดี จำกัด (รับการถ่ายทอดเทคโนโลยี ในการพัฒนาเครื่อง BiO-Q)
  • บริษัท  ทีซัส เฟบิกซ์ ฟู้ดเทค จำกัด (ร่วมพัฒนาเทคโนโลยีคลื่นความถี่วิทยุ ระดับ SME)

เกี่ยวกับเทคโนโลยี

ตั้งแต่ปี 2548 ถึงปัจจุบัน รวมระยะเวลา 15 ปี โดยได้รับการสนับสนุนการวิจัยจาก ศูนย์นวัตกรรมเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว ร่วมกับ มหาวิทยาลัย Georg-August-Universität Göttingen ประเทศเยอรมนี มีผลงานที่ส่งผลกระทบในวงกว้างและเห็นผลอย่างชัดเจน โดยการนำ เทคโนโลยีคลื่นความถี่วิทยุมา ประยุกต์ใช้ในการกำจัดแมลงและไข่แมลง เช่น มอดในข้าวสาร โดยใช้คลื่นความถี่วิทยุ ทำให้เกิดอุณหภูมิ 55-60 องศาเซลเซียส ในเวลา 2-3 นาที  สามารถกำจัดแมลงและไข่แมลงที่ปนเปื้อนอยู่ภายในข้าวสารได้ และเรียกกระบวนการของเทคโนโลยีนี้ว่า “UTD RF (Uniform Thermal Distribution of Radio Frequency) โดยได้รับการสนับสนุนและให้ความร่วมมือจากอุทยานวิทยาศาสตร์ภาคเหนือ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ในการนำเทคโนโลยีคลื่นความถี่วิทยุพัฒนาต่อยอดนวัตกรรมไปสู่การใช้งานเชิงพาณิชย์ร่วมกับบริษัท ยนต์ผลดี จำกัด ที่นำเทคโนโลยีคลื่นความถี่วิทยุไปใช้กำจัดมอดในข้าวสารโดยสร้างเป็นเครื่อง BiO-Q

ภาพเครื่องต้นแบบคลื่นความถี่วิทยุ (A) เครื่อง  Bio-Q (B)

เครื่องผลิตน้ำอิเล็กโทรไลต์ (Electrolyzed water)

ทีมวิจัย

  • นักวิจัยจากคณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
  • ศูนย์นวัตกรรมเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว

ความร่วมมือกับภาคเอกชน

  • บริษัท ทริปเปิ้ล บียอนด์ จำกัด (รับการถ่ายทอดเทคโนโลยี Licensing) สำหรับการผลิตผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดฆ่าเชื้ออเนกประสงค์ยี่ห้อ QKLEAN

เกี่ยวกับเทคโนโลยี

จากการพัฒนางานวิจัยทางด้านออกซิเดชั่นเทคโนโลยี ที่ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากศูนย์นวัตกรรมเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยวมาไม่น้อยกว่า 10 ปี ได้พัฒนางานวิจัยและเครื่องต้นแบบเครื่องผลิตน้ำอิเล็กโทรไลต์ (Electrolyzed water) และได้ถ่ายทอดเทคโนโลยีเครื่องผลิตน้ำอิเล็กโทรไลต์นำไปสู่การพัฒนาต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของบริษัท ทริปเปิ้ล บียอนด์ จำกัด จากการถ่ายทอดเทคโนโลยี ด้วยการ Licensing และนำไปผลิตเป็นสเปรย์ฆ่าเชื้อโรคในรูปแบบน้ำอิเล็กโทรไลต์ น้ำยาฆ่าเชื้อจากธรรมชาติ 100% ที่สามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ไวรัสและเชื้อราได้ถึง 99.99% ไร้สารตกค้าง ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์  ย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ เป็นทั้งน้ำยาทำความสะอาดและน้ำยาฆ่าเชื้อ  ที่สามารถฆ่าเชื้อบนพื้นผิวต่างๆ ได้ภายใน 15 วินาที โดยมีกรดไฮโปคลอรัส (Hypochlorous acid, HOCl) ซึ่งเป็นกรดธรรมชาติที่มีอยู่ในร่างกายของคนและเป็นสารที่ผลิตโดยเซลล์เม็ดเลือดขาวเพื่อต่อสู้กับเชื้อโรคต่างๆ ในขณะที่ร่างกายมีการติดเชื้อ และไม่ระคายเคืองต่อผิวหนังเมื่อมีการสัมผัสโดยตรงจึงไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย

ภาพผลิตภัณฑ์น้ำอิเล็กโทรไลต์ QKLEAN

เครื่องรมโอโซนอัตโนมัติแบบ Converter

ทีมวิจัย

  • ทีมวิจัยคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
  • ศูนย์นวัตกรรมเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว

ความร่วมมือกับภาคเอกชน

  • บริษัท เชียงใหม่ อีทีเอส เอนจิเนียริ่ง จำกัด (รับการถ่ายทอดเทคโนโลยี Licensing)

เกี่ยวกับเทคโนโลยี

          โอโซน (Ozone, O3) เป็นก๊าซที่มีความไวต่อการทำปฏิกิริยาเคมี มีคุณสมบัติในการเป็นตัวออกซิไดซ์ จึงเกิดปฏิกิริยาได้ดี และมีการสลายตัวโดยอัตโนมัติ ทำให้มีพิษตกค้างน้อย โดยการขอขึ้นทะเบียน อนุสิทธิบัตร เลขที่ 1803002518 ระบบการรมโอโซนเพื่อลดสารซัลเฟอร์ไดออกไซด์ตกค้างในลาไยผลสด และการนำเทคโนโลยีโอโซนมาประยุกต์ใช้และขยายผลไปสู่การใช้งานเชิงพาณิชย์โดยการถ่ายทอดเทคโนโลยีด้วยการ Licensing ให้แก่ภาคเอกชนในการพัฒนาเครื่องต้นแบบรมโอโซนอัตโนมัติแบบ converter สำหรับการรมฆ่าเชื้อจุลินทรีย์ในพริก ลำไย กำจัดกลิ่นกระเทียมแห้ง รมกำจัดเอทิลีนในการเก็บรักษาทุเรียน และกำจัดเชื้อโรคโควิด-19 เป็นต้น

ภาพเครื่องต้นแบบรมโอโซนอัตโนมัติแบบ Converter

เทคโนโลยีการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวลองกองเพื่อการส่งออก

ทีมวิจัย

  • ทีมวิจัยคณะเกษตรศาสตร์ กำแพงแสน มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
  • ศูนย์นวัตกรรมเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว

ความร่วมมือกับภาคเอกชน

  • บริษัท ริชฟิลด์ เฟรช ฟรุ๊ต จำกัด เป็นผู้นำเทคโนโลยีไปใช้
  • บริษัท Pagoda เป็นบริษัทค้าปลีก นำผลลองกองไปวางจำหน่ายที่สาธารณรัฐประชาชนจีน

เกี่ยวกับเทคโนโลยี

เป็นการใช้องค์ความรู้จากงานวิจัยที่ได้รับทุนจากศูนย์นวัตกรรมเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว ในเรื่องต่างๆ ดังนี้

  1. กระบวนการหลุดร่วงของลองกองหลังการเก็บเกี่ยวและการควบคุม
  2. สรีรวิทยาและกายวิภาคของเซลล์บริเวณการหลุดร่วงและการปฏิบัติก่อนและหลังการเก็บเกี่ยวเพื่อเพิ่มคุณภาพของลองกองสำหรับการส่งออก
  3. การเปลี่ยนแปลงกิจกรรมของเอนไซม์บริเวณหลุดร่วงของผลลองกอง

เพื่อใช้ในการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวผลลองกองเพื่อการส่งออก ณ โรงคัดบรรจุของภาคเอกชน  ตำบลตรอกนอง  อำเภอขลุง จังหวัดจันทบุรี โดยมีบริษัท Pagoda เป็นผู้นำผลลองกองไปยังสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยทดลองส่งออกผลลองกองจำนวน 2 ตู้คอนเทนเนอร์ ใช้ระยะเวลาในการขนส่ง 10 วันจากประเทศไทยไปยังตลาดปลายทางที่ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยที่ผลลองกองหลุดร่วงไม่เกิน 5 % และสามารถวางจำหน่ายต่อได้นาน 4 วัน มีผลร่วงไม่เกิน 20% และจากการประเมินผลของผู้นำเข้า พบว่าคุณภาพของผลลองกองอยู่ในเกณฑ์ดี

ภาพการจัดการลองกองหลังการเก็บเกี่ยวเพื่อการส่งออก (A) และการขนส่งลองกองในตู้คอนเทนเนอร์ที่มีอุณหภูมิ 18◦C เพื่อส่งออกลองกองไปสาธารณรัฐประชาชนจีนโดยทางเรือ (B)