͢¢ԷҡѧPostharvest Technology Information NetworkPostharvest TechnologyɵҪԡ͢纺촡ɵҹŧҹԨ

แนะนำหน่วยงาน

  • หน้าหลัก
  • ประชาสัมพันธ์ศูนย์ฯ
  • ความเป็นมา
  • วัตถุประสงค์
  • โครงสร้างการบริหาร
  • คณะกรรมการอำนวยการ
  • คณะกรรมการบริหาร
  • ภาคีสถาบันอุดมศึกษาและวิจัย
  • ติดต่อศูนย์ ฯ

บริการต่าง ๆ

  • PHTNET E-Learning
  • Postharvest Newsletter
  • เครื่องมือวิทยาศาสตร์
  • ห้องปฏิบัติการ
  • รายชื่อผู้ประกอบการ
  • ฐานข้อมูลผู้เชี่ยวชาญ
  • หลักสูตรวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยว
  • รูปภาพความเสียหายหลังการเก็บเกี่ยว
  • มาตรฐานสินค้าเกษตร และระเบียบการส่งออก
  • ลิ้งค์ที่เกี่ยวข้อง

หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

  • สถาบันวิจัยเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว
  • กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
  • กรมส่งเสริมการเกตร
  • กรมวิชาการเกษตร
  • สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร
  • อุตุนิยมวิทยาเพื่อการเกษตร
  • สมาคมผู้ส่งข้าวออกต่างประเทศ
  • ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย
  • สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (สวก.)

หน้าแรก > ข่าวเกษตรประจำวัน

แนะเกษตรกรข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปรับเวลาปลูกใหม่ลดผลกระทบ

เมื่อวันที่ 6 มกราคม 52

แนะเกษตรกรข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปรับเวลาปลูกใหม่ลดผลกระทบ นายอรรถ อินทลักษณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร เปิดเผยว่า ไทยใช้ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในการผลิตอาหารสัตว์ปีละประมาณ 3.7-3.8 ล้านตันต่อปี ซึ่งใกล้เคียงกับปริมาณที่ผลิตได้ปีละ 3.6-3.7 ล้านตัน แต่ปัจจุบันมีการนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จากประเทศเพื่อนบ้า นตามโครงการความร่วมมือทางเศรษฐกิจ อิรวะดี เจ้าพระยา และแม่โขง (ACMECS) และโรงงานอาหารสัตว์ชะลอการรับซื้อผลผลิตจากเกษตรกร ทำให้เกิดปัญหาราคาตกต่ำ

ดังนั้นจึงขอแนะนำเกษตรกรดังนี้ สำหรับเกษตรกรที่จะทำการเก็บเกี่ยวผลผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ควรเก็บเกี่ยวข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่แก่และแห้งจัด มีอายุครบตามคำแนะนำของแต่ละพันธุ์ และควรเก็บไว้ในยุ้งฉางที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก ยกพื้นสูง ไม่กองสุมกันไว้ และใช้ตาข่ายคลุมเพื่อป้องกันการทำลายของหนู รวมทั้งลดความชื้นด้วยการตากแดดให้แห้งประมาณ 1 - 2 แดด

ส่วนเกษตรกรที่ประสงค์จะปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในฤดูกาลต่อไป ควรลดต้นทุนการผลิตด้วยการใช้เมล็ดพันธุ์ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ลูกผสมพันธุ์ดีจากแหล่งจำหน่ายที่เชื่อถือได้ โดยใช้ในอัตรา 2-3 กิโลกรัมต่อไร่ และควรใช้ปุ๋ยเคมีตามค่าวิเคราะห์ธาตุอาหารในดินเพื่อให้ตรงกับความต้องการของพืชและประหยัดค่าใช้จ่ายในการซื้อปุ๋ยเคมี นอกจากนี้เกษตรกรควรมีการรวมกลุ่มหรือจัดตั้งกลุ่มวิสาหกิจชุมชนรวมกันจัดซื้อปัจจัยการผลิตจากบริษัทผู้จำหน่าย และรวบรวมผลผลิตขายให้กับพ่อค้ารับซื้อผลผลิตหรือไซโลโดยตรง

หากเป็นไปได้เกษตรกรควรเลื่อนระยะเวลาการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ออกไป โดยในช่วงต้นฤดูฝนประมาณเดือนเมษายน-พฤษภาคม ควรปลูกพืชอายุสั้น เช่น พืชตระกูลถั่ว แล้วปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ตาม จะทำให้ลดความเสี่ยงจากภาวะฝนทิ้งช่วงในระยะที่ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ออกดอกออกหัวประมาณเดือนกรกฎาคม-สิงหาคมได้ และยังเป็นการช่วยปรับปรุงบำรุงดินด้วย

ส่วนวัสดุเหลือใช้จากข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ควรมีการเพิ่มมูลค่า อาทิ นำซังข้าวโพดไปทำถ่านอัดแท่งเพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิง เปลือกข้าวโพดสามารถนำมาใช้ทำเป็นตุ๊กตา ดอกไม้ประดิษฐ์ และดอกไม้จันทน์สร้างรายได้ให้กับครอบครัว เป็นต้น

ที่มา : หนังสือพิมพ์แนวหน้า วันที่ 6 มกราคม 2552
http://www.naewna.com/news.asp?ID=141578

ข่าวที่เกี่ยวข้อง
  • ทางเลือก-ทางรอดเกษตรกรรมไทยในปี 2553
  • มันสำปะหลังทุบสถิติส่งท้ายปี สูงเกินราคาประกันรัฐบาล คาดปีหน้ายังพุ่งขึ้นต่อเนื่อง
  • เตือนภัย เพลี้ยแป้งระบาดในมันสำปะหลัง
  • อียูลดค่าสีผสมอาหาร 3 ชนิด
  • สศก.เปิดเผยศึกษาลำไยนอกฤดู ยันเกษตรกรได้รับผลคุ้มค่า แนะตั้งกลุ่มส่งเสริมจริงจัง
  • โอกาสของเกษตรกรรายย่อยในการรับรองฟาร์มแบบกลุ่ม
  • มะนาวพันธุ์ 'แป้นดกพิเศษ' ดกกว่าพันธุ์แป้นรำไพ 2-3 เท่า
  • ศูนย์นวัตกรรมเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

    Postharvest Technology Innovation Center

    เทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว | ข่าวเกษตร | บทความ | ฐานข้อมูลงานวิจัย | วีดีโอ | Postharvest Technology