͢¢ԷҡѧPostharvest Technology Information NetworkPostharvest TechnologyɵҪԡ͢纺촡ɵҹŧҹԨ

แนะนำหน่วยงาน

  • หน้าหลัก
  • ประชาสัมพันธ์ศูนย์ฯ
  • ความเป็นมา
  • วัตถุประสงค์
  • โครงสร้างการบริหาร
  • คณะกรรมการอำนวยการ
  • คณะกรรมการบริหาร
  • ภาคีสถาบันอุดมศึกษาและวิจัย
  • ติดต่อศูนย์ ฯ

บริการต่าง ๆ

  • PHTNET E-Learning
  • Postharvest Newsletter
  • เครื่องมือวิทยาศาสตร์
  • ห้องปฏิบัติการ
  • รายชื่อผู้ประกอบการ
  • ฐานข้อมูลผู้เชี่ยวชาญ
  • หลักสูตรวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยว
  • รูปภาพความเสียหายหลังการเก็บเกี่ยว
  • มาตรฐานสินค้าเกษตร และระเบียบการส่งออก
  • ลิ้งค์ที่เกี่ยวข้อง

หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

  • สถาบันวิจัยเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว
  • กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
  • กรมส่งเสริมการเกตร
  • กรมวิชาการเกษตร
  • สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร
  • อุตุนิยมวิทยาเพื่อการเกษตร
  • สมาคมผู้ส่งข้าวออกต่างประเทศ
  • ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย
  • สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (สวก.)

หน้าแรก > ข่าวเกษตรประจำวัน

'น้ำนมดิบมาตรฐาน' แนวปฏิบัติที่ 'ฟาร์มโคนม' ควรรู้

เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 52

'น้ำนมดิบมาตรฐาน' แนวปฏิบัติที่ 'ฟาร์มโคนม' ควรรู้ ภายหลังสาธารณรัฐประชาชนจีนตรวจพบ “สารเมลามีน” ตกค้างปนเปื้อนในผลิตภัณฑ์นมผงสำหรับเลี้ยงทารก ส่งผลให้การบริโภคนมและผลิตภัณฑ์นมในหลายประเทศทั่วโลกมีแนวโน้มลดลง เนื่องจากผู้บริโภคเกิดความวิตกกังวลว่าอาจมีสารเมลามีนปนเปื้อนอยู่ ซึ่งปัญหาดังกล่าวได้ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมนมและผลิตภัณฑ์นมของไทยไม่น้อยเช่นกัน เพราะผู้บริโภคไม่มั่นใจในคุณภาพสินค้าโดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่ผลิตจากนมผง แม้แต่ผลิตภัณฑ์ที่ผลิตจากน้ำนมดิบแท้ 100% ยังได้รับผลพวงจากกรณีปัญหานี้
 
อย่างไรก็ตาม เกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมของไทยควรพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส โดยเร่งพัฒนาประสิทธิภาพการผลิตน้ำนมดิบให้มีคุณภาพ ได้มาตรฐาน มีความปลอดภัยและปราศจากสารตกค้างปนเปื้อน โดยยึด มาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ เรื่อง “น้ำนมดิบ” ซึ่งสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ  (มกอช.) ได้ประกาศใช้ เพื่อให้เกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม ผู้ประกอบการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ใช้เป็นแนวปฏิบัติรูปแบบเดียวกัน ซึ่งอนาคตเชื่อว่าจะช่วยสร้างจุดแข็งให้แก่อุตสาหกรรมน้ำนมดิบไทยได้ ถือเป็นเรื่องดี ๆ ที่ฟาร์มโคนมควรรู้
 
นางสาวเมทนี สุคนธรักษ์ ผอ.สำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) กล่าวว่า มาตรฐานน้ำนมดิบที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ประกาศใช้นี้ มีเนื้อหาเน้นถึงคุณภาพและความปลอดภัยของน้ำนมดิบที่ผลิตจากฟาร์มโคนมที่ได้มาตรฐาน ซึ่งเป็นน้ำนมที่รีดจากแม่โคหลังคลอดลูกแล้วไม่น้อยกว่า 3 วัน และไม่ได้ผ่านกรรมวิธีใด ๆ ยกเว้นการทำให้เย็น สำหรับ คุณภาพ ขั้นต่ำของน้ำนมดิบมาตรฐาน กำหนดไว้ดังนี้ คือ 1.สภาพปกติต้องมีสีขาวหรือสีขาวนวล สะอาด ทั้งยังต้องปราศจากกลิ่นรสที่น่ารังเกียจและสิ่งแปลกปลอม 2.ไม่มีการตกตะกอนของโปรตีน เมื่อทดสอบด้วย 68% เอธิลแอลกอฮอล์ 3.มีค่าความเป็นกรด-เบส (pH) ระหว่าง 6.6-6.9 มีเนื้อนมไม่รวมมันเนย (solids not fat) ไม่น้อยกว่า 8.25% และมีจุดเยือกแข็งไม่สูงกว่า-0.525 องศาเซลเซียส 4.ค่าความถ่วงจำเพาะที่ 20 องศาเซลเซียส  5.  ชั่วโมงการเปลี่ยนสีของเมทธีลีนบลูต้องมากกว่า 4 ชั่วโมง  6.การเปลี่ยนสีของซาซูรินที่ 1 ชั่วโมง ต้องไม่น้อยกว่าเกรด 4.5 นอกจากนั้น น้ำนมดิบมาตรฐานยังต้องปราศจากจุลินทรีย์ที่ก่อให้เกิดโรคติดต่อระหว่างสัตว์และคน เช่น วัณโรค ทั้งยังต้องปราศจากฮอร์โมน ยาต้านจุลชีพ ยากล่อมประสาท และปราศจากวัตถุเจือปนอาหารด้วย
 
การแบ่งชั้นคุณภาพน้ำนมดิบ แบ่งเป็น  3 ชั้น คือ 1.ชั้นดีมาก (premium) ตามข้อ กำหนดระบุว่า มีจำนวนจุลินทรีย์ทั้งหมด ไม่เกิน 200,000 โคโลนี/มิลลิลิตร มีเซลล์โซมาติกไม่เกิน 200,000 เซลล์/มิลลิลิตร มีปริมาณโปรตีนมากกว่า 3.4% ไขมันมากกว่า 4% และมีเนื้อนมทั้งหมดมากกว่า 12.7%  2.ชั้นดี (good) มีจำนวนจุลินทรีย์ทั้งหมด อยู่ระหว่าง 200,000-400,000 โคโลนี/มิลลิลิตร มีเซลล์โซมาติก 200,000-350,000 เซลล์/มิลลิลิตร ปริมาณโปรตีน 3.2-3.4% ไขมัน 3.6-4% และมีเนื้อนมทั้งหมด 12.5-12.7% และ 3.ชั้นมาตรฐาน (standard) มีจำนวนจุลินทรีย์ทั้งหมด ระหว่าง 400,000-600,000 โคโลนี/มิลลิลิตร มีเซลล์โซมาติก 350,000-500,000 เซลล์/มิลลิลิตร มีปริมาณโปรตีน 3-3.2 % ไขมัน 3.2-3.6% และเนื้อนมทั้งหมด 12.3-12.5%
 
นางสาวเมทนี กล่าวอีกว่า เกษตรกรต้องผลิตบรรจุและเก็บรักษาน้ำนมดิบอย่างถูกสุขลักษณะ เพื่อป้องกันการปนเปื้อนที่จะก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้บริโภค โดยหลังการรีดนมจากแม่โคแต่ละตัวให้รวมไว้ในภาชนะบรรจุที่สะอาด และควรขนส่งไปยังศูนย์รวบรวมน้ำนมดิบโดยเร็วภายในเวลาไม่เกิน 2 ชั่วโมง หากไม่สามารถส่งน้ำนมดิบได้ภายในเวลาดังกล่าว ควรเก็บรักษาน้ำนมดิบไว้ที่อุณหภูมิไม่เกิน 4 องศาเซลเซียส เป็นเวลาไม่เกิน 24 ชั่วโมง กรณีที่เกษตรกรส่งนมดิบแล้วแต่ถูกปฏิเสธการรับ ห้ามนำมารวมกับน้ำนมที่รีดช่วงเวลาต่อไป ทั้งนี้ หลังจากใช้งานภาชนะบรรจุน้ำนมดิบทุกครั้งต้องทำความสะอาดทันที

ประเด็นนี้ถือเป็นเรื่องที่เกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมไม่ควรมองข้าม อย่างน้อยก็น่าจะเป็นแนวทางในการพัฒนาเพื่อยกระดับคุณภาพการผลิต เตรียมความพร้อมรับมือกับการแข่งขันทางการค้าโดยเฉพาะเวทีการค้าเสรีหรือ เอฟทีเอ (FTA) ซึ่งอาจมีผลิตภัณฑ์นมจากต่างประเทศทะลักเข้ามาตีตลาดในไทยเพิ่มมากขึ้น อย่าวางใจ

ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2552
http://www.dailynews.co.th/web/html/popup_news/Default.aspx?Newsid=189740&NewsType=1&Template=1

ข่าวที่เกี่ยวข้อง
  • ทางเลือก-ทางรอดเกษตรกรรมไทยในปี 2553
  • มันสำปะหลังทุบสถิติส่งท้ายปี สูงเกินราคาประกันรัฐบาล คาดปีหน้ายังพุ่งขึ้นต่อเนื่อง
  • เตือนภัย เพลี้ยแป้งระบาดในมันสำปะหลัง
  • อียูลดค่าสีผสมอาหาร 3 ชนิด
  • สศก.เปิดเผยศึกษาลำไยนอกฤดู ยันเกษตรกรได้รับผลคุ้มค่า แนะตั้งกลุ่มส่งเสริมจริงจัง
  • โอกาสของเกษตรกรรายย่อยในการรับรองฟาร์มแบบกลุ่ม
  • มะนาวพันธุ์ 'แป้นดกพิเศษ' ดกกว่าพันธุ์แป้นรำไพ 2-3 เท่า
  • ศูนย์นวัตกรรมเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

    Postharvest Technology Innovation Center

    เทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว | ข่าวเกษตร | บทความ | ฐานข้อมูลงานวิจัย | วีดีโอ | Postharvest Technology