͢¢ԷҡѧPostharvest Technology Information NetworkPostharvest TechnologyɵҪԡ͢纺촡ɵҹŧҹԨ

แนะนำหน่วยงาน

  • หน้าหลัก
  • ประชาสัมพันธ์ศูนย์ฯ
  • ความเป็นมา
  • วัตถุประสงค์
  • โครงสร้างการบริหาร
  • คณะกรรมการอำนวยการ
  • คณะกรรมการบริหาร
  • ภาคีสถาบันอุดมศึกษาและวิจัย
  • ติดต่อศูนย์ ฯ

บริการต่าง ๆ

  • PHTNET E-Learning
  • Postharvest Newsletter
  • เครื่องมือวิทยาศาสตร์
  • ห้องปฏิบัติการ
  • รายชื่อผู้ประกอบการ
  • ฐานข้อมูลผู้เชี่ยวชาญ
  • หลักสูตรวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยว
  • รูปภาพความเสียหายหลังการเก็บเกี่ยว
  • มาตรฐานสินค้าเกษตร และระเบียบการส่งออก
  • ลิ้งค์ที่เกี่ยวข้อง

หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

  • สถาบันวิจัยเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว
  • กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
  • กรมส่งเสริมการเกตร
  • กรมวิชาการเกษตร
  • สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร
  • อุตุนิยมวิทยาเพื่อการเกษตร
  • สมาคมผู้ส่งข้าวออกต่างประเทศ
  • ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย
  • สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (สวก.)

หน้าแรก > ข่าวเกษตรประจำวัน

ด้วงน้ำมัน แมลงมีสารพิษ ศัตรูทั้งพืชอันตรายต่อมนุษย์

เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 52

ด้วงน้ำมัน แมลงมีสารพิษ ศัตรูทั้งพืชอันตรายต่อมนุษย์


ด้วงน้ำมัน เป็นแมลงปีกแข็ง ตัวดำ ขาดำและหนดดำ พบได้ทั่วประเทศ  จะเริ่มระบาดมากในช่วงเดือนกันยายน-พฤศจิกายน เมื่อราวเดือนธันวาคม พ.ศ.2547 แถวๆจังหวัดทางภาคเหนือ ได้เกิดมีแมลงชนิดหนึ่งกัดคนจนเกิดเป็น แผลลุกลามถึงขั้นเสียชีวิต แล้วก็ทราบในภายหลังว่าแมลงตัวนี้ คือ ด้วงน้ำมัน (Blister beetle) มีชื่อวิทยาศาสตร์ Mylabris phalerata Pall. หรือชาวบ้านเรียกว่า ด้วงโสน ด้วงไฟถั่ว

จัดเป็นแมลงปีกแข็ง ลำตัวมีขนาดกลาง ยาวประมาณ 2.5 ซม. กว้างประมาณ 1 ซม. ตัวสีดำ ขาสีดำ หนวดสั้นสีดำ บริเวณปีกมีแถบสีเหลืองส้มพาดขวาง 3 แถบ ขวางปีกคู่หน้า ปลายปีกสีดำ ปีกคู่หน้าสีดำ มีขีดสีเหลืองตามยาวขอบปีกข้างละขีด ส่วนหัวสีแดง และ อกมีขนาดเล็กกว่าลำตัว

สามารถพบเห็นได้ทั่วประเทศ (แต่ในกรุงเทพมหานครยังไม่ปรากฏว่ามีใครพบตัวมัน) โดยเริ่มพบตั้งแต่ เดือนเมษายน จะพบระบาดมากในระหว่าง เดือนกันยายนถึงเดือนพฤศจิกายน 

สำหรับ ชีวประวัติของด้วงน้ำมันนี้ นักวิจัยยังไม่ได้ทำการศึกษาอย่างละเอียด ทราบแต่เพียงว่า ตัวเมียวางไข่ในดิน หลังจากไข่ฟักออกเป็นตัวหนอน ตัวหนอนของด้วงน้ำมันเป็นแมลงห้ำ คอยหาไข่ตั๊กแตนกินเป็นอาหารจนโต เมื่อเข้าดักแด้ในดินแล้วก็จะบินไปหากินพืชตระกูลถั่ว หรือต้นฝ้าย กระเจี๊ยบแดง ปอแก้ว ตลอดจนไม้ดอกชนิดต่างๆ

นอกจากจะเป็นศัตรูตัวฉกาจพันธุ์พืชของเกษตรกรแล้ว ยังเป็นอันตรายต่อมนุษย์เราได้มากอีกด้วยเพราะมันมี สารพิษอยู่ในลำตัว เมื่อถูกรบกวนจะปล่อยสารพิษออกมาเพื่อป้องกันตัวเอง

ซึ่งสาร พิษนี้มีชื่อว่า แคนทารีดิน มีลักษณะเป็นของเหลวสีเหลืองอ่อนคล้ายน้ำมัน ใน ด้วงน้ำมัน 1 ตัวจะมีสารแคนทารีดินประมาณ 6-7 มิลลิกรัม

หากโดนผิวหนังจะทำให้เป็น แผลผื่นพุพอง ปวดแสบปวดร้อน ยิ่งเกาก็จะยิ่งทำให้ลามไปเรื่อยๆ เพราะเมื่อเกามือก็จะเลอะสารนี้ ยิ่งไปสัมผัสบริเวณอื่นก็จะแพร่กระจายไป

ส่วนใครรับประทานเข้าไปจะทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย อุจจาระร่วง ปัสสาวะเป็นเลือด และเสียชีวิตจากภาวะหัวใจล้มเหลว

วิธีป้องกันอันตราย หากเผลอไปโดนเข้าก็ให้รีบล้างมือให้สะอาดโดยเร็ว หรือเช็ดด้วยแอมโมเนียออกทันที เพื่อป้องกันการลุกลาม และควรรีบไปพบแพทย์เพื่อทำการรักษา โดยใช้ผงถ่านดูดซับสารพิษ จากนั้นก็รักษาระบบไหลเวียนเลือดล้มเหลวและอาการช็อก ให้เลือดและน้ำเกลือเข้าทางเส้นเลือดดำ และป้องกันอันตรายที่เกิดกับไต โดยทำให้มีการถ่ายปัสสาวะเพิ่มมากขึ้น

เกษตรกรที่พบเห็นด้วงน้ำมันมารบกวนแปลงปลูกพืช และหากมีปริมาณมากผิดปกติ นักวิชาการได้แนะนำให้ใช้สาร carbaryl 0.1% (Sevin 85% WP) พ่น 1-2 ครั้ง ทุก 7-10 วัน มันก็จะเสียชีวิตไปในที่สุด

และล่าสุดในปีนี้ก็พบว่ามีการระบาดขึ้นมากอีก ใครที่รู้แล้วก็ควรระมัดระวัง อยู่ให้ห่างๆมันจะดีกว่า และโดยเฉพาะผู้ปกครองที่มีเด็กๆที่ชอบไปเดินเล่นในแปลงผักอย่าเผลอเด็ดขาด หากสัมผัสกับมันก็ปฏิบัติตามขั้นตอนที่บอกไว้ก็จะปลอดภัย

ที่มา : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ วันที่ 15 ธันวาคม 2552
http://www.thairath.co.th/content/edu/52876

ข่าวที่เกี่ยวข้อง
  • ทางเลือก-ทางรอดเกษตรกรรมไทยในปี 2553
  • มันสำปะหลังทุบสถิติส่งท้ายปี สูงเกินราคาประกันรัฐบาล คาดปีหน้ายังพุ่งขึ้นต่อเนื่อง
  • เตือนภัย เพลี้ยแป้งระบาดในมันสำปะหลัง
  • อียูลดค่าสีผสมอาหาร 3 ชนิด
  • สศก.เปิดเผยศึกษาลำไยนอกฤดู ยันเกษตรกรได้รับผลคุ้มค่า แนะตั้งกลุ่มส่งเสริมจริงจัง
  • โอกาสของเกษตรกรรายย่อยในการรับรองฟาร์มแบบกลุ่ม
  • มะนาวพันธุ์ 'แป้นดกพิเศษ' ดกกว่าพันธุ์แป้นรำไพ 2-3 เท่า
  • ศูนย์นวัตกรรมเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

    Postharvest Technology Innovation Center

    เทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว | ข่าวเกษตร | บทความ | ฐานข้อมูลงานวิจัย | วีดีโอ | Postharvest Technology