͢¢ԷҡѧPostharvest Technology Information NetworkPostharvest TechnologyɵҪԡ͢纺촡ɵҹŧҹԨ

แนะนำหน่วยงาน

  • หน้าหลัก
  • ประชาสัมพันธ์ศูนย์ฯ
  • ความเป็นมา
  • วัตถุประสงค์
  • โครงสร้างการบริหาร
  • คณะกรรมการอำนวยการ
  • คณะกรรมการบริหาร
  • ภาคีสถาบันอุดมศึกษาและวิจัย
  • ติดต่อศูนย์ ฯ

บริการต่าง ๆ

  • PHTNET E-Learning
  • Postharvest Newsletter
  • เครื่องมือวิทยาศาสตร์
  • ห้องปฏิบัติการ
  • รายชื่อผู้ประกอบการ
  • ฐานข้อมูลผู้เชี่ยวชาญ
  • หลักสูตรวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยว
  • รูปภาพความเสียหายหลังการเก็บเกี่ยว
  • มาตรฐานสินค้าเกษตร และระเบียบการส่งออก
  • ลิ้งค์ที่เกี่ยวข้อง

หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

  • สถาบันวิจัยเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว
  • กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
  • กรมส่งเสริมการเกตร
  • กรมวิชาการเกษตร
  • สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร
  • อุตุนิยมวิทยาเพื่อการเกษตร
  • สมาคมผู้ส่งข้าวออกต่างประเทศ
  • ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย
  • สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (สวก.)

หน้าแรก > ข่าวเกษตรประจำวัน

เกษตรฯฝันผู้นำโคนมอาเซียน ดันพัฒนาทั้งระบบ-ลดต้นทุน เพิ่มสายผลิต "นมผง-เนยชีส"

เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 52

เกษตรฯฝันผู้นำโคนมอาเซียน ดันพัฒนาทั้งระบบ-ลดต้นทุน เพิ่มสายผลิต "นมผง-เนยชีส"

นายยุคล ลิ้มแหลมทอง ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยระหว่างการบรรยายพิเศษเรื่องทิศทางโคนมในอนาคตว่า ประเทศไทยสามารถเป็นผู้นำด้านโคนมและผลิตภัณฑ์นมในภูมิภาคอาเซียนได้ด้วยศักยภาพพื้นฐานที่มีอยู่ทั้งเชิงวิชาการและจำนวนโคนม ซึ่งปัจจุบันมีเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม 19,243 คน โคนมประมาณ 530,000 ตัว

อย่างไรก็ดี จะต้องเร่งพัฒนาโคนมทั้งระบบตั้งแต่การวิจัยพัฒนาพันธุ์ การแสวงหาแนวทางลดต้นทุนการผลิตที่ปัจจุบันอยู่ที่ 13 บาท/กิโลกรัม ขณะที่ราคาขายปัจจุบันอยู่ที่ 16.50 บาท/กิโลกรัม ซึ่งทั้งหมดเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยส่งเสริมให้โคนมในฝูงให้ผลผลิตเพิ่ม ขึ้นจากปัจจุบันที่ 40% เป็น 60-70% ซึ่งเป็นสัดส่วนที่คุ้มค่าต่อการเลี้ยงดูโคนมทั้งฝูง รวมถึงลักษณะอาหารที่จะส่งผลถึงประสิทธิภาพการให้ผลผลิตน้ำนมของแม่โคนม ซึ่งไทยอาจต้องทบทวนเนื่องจากปัจจุบันใช้อาหารข้นเป็นหลักเพราะเกษตรกรราย ย่อยมีพื้นที่แปลงหญ้าไม่มากนัก ต่างจากนิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย และยุโรป ที่ใช้หญ้าและอาหารหยาบต่างๆ เป็นหลัก ทำให้ปริมาณน้ำนมโคที่ผลิตต่อฝูงได้มากกว่าและมีธาตุอาหารสูง นอกจากนั้นทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะต้องไม่ยึดติดเฉพาะตลาดนมพร้อมดื่มเป็นหลักอย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน แต่ต้องมองถึงการแปรรูปผลิตภัณฑ์นม เช่น นมผง เนย ชีส ฯลฯ เพื่อลดปัญหาน้ำนมดิบล้นตลาด สามารถสร้างกำไร และแข่งขันกับต่างประเทศได้

นายยุคลกล่าวต่อว่า ปัจจุบันไทยมีกำลังการผลิตน้ำนมดิบ 2,568 ตัน/วัน ใช้สำหรับโครงการอาหารเสริม(นม) หรือนมโรงเรียนประมาณ 1,200 ตัน/วัน ส่วนที่เหลือเป็นวัตถุดิบให้โรงงานนมยูเอชที นมพาสเจอร์ไรซ์ และการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อื่นๆ ซึ่งยังไม่เพียงพอต่อการบริโภคภายในประเทศ ทั้งยังต้องพึ่งพาการนำเข้านมผงจากต่างประเทศเป็นจำนวนมาก จึงต้องเร่งพัฒนาตามแนวทางข้างต้น โดยอาศัยความร่วมมือกันจากทั้งเกษตรกร ชุมนุมสหกรณ์ และภาครัฐ ให้เห็นถึงประโยชน์ของกิจการโคนมไทยเป็นหลักมากกว่าแสวงหาประโยชน์เฉพาะกลุ่ม

ที่มา : หนังสือพิมพ์แนวหน้า วันที่ 20 ตุลาคม 2552
http://www.naewna.com/news.asp?ID=183809

ข่าวที่เกี่ยวข้อง
  • ทางเลือก-ทางรอดเกษตรกรรมไทยในปี 2553
  • มันสำปะหลังทุบสถิติส่งท้ายปี สูงเกินราคาประกันรัฐบาล คาดปีหน้ายังพุ่งขึ้นต่อเนื่อง
  • เตือนภัย เพลี้ยแป้งระบาดในมันสำปะหลัง
  • อียูลดค่าสีผสมอาหาร 3 ชนิด
  • สศก.เปิดเผยศึกษาลำไยนอกฤดู ยันเกษตรกรได้รับผลคุ้มค่า แนะตั้งกลุ่มส่งเสริมจริงจัง
  • โอกาสของเกษตรกรรายย่อยในการรับรองฟาร์มแบบกลุ่ม
  • มะนาวพันธุ์ 'แป้นดกพิเศษ' ดกกว่าพันธุ์แป้นรำไพ 2-3 เท่า
  • ศูนย์นวัตกรรมเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

    Postharvest Technology Innovation Center

    เทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว | ข่าวเกษตร | บทความ | ฐานข้อมูลงานวิจัย | วีดีโอ | Postharvest Technology