͢¢ԷҡѧPostharvest Technology Information NetworkPostharvest TechnologyɵҪԡ͢纺촡ɵҹŧҹԨ

แนะนำหน่วยงาน

  • หน้าหลัก
  • ประชาสัมพันธ์ศูนย์ฯ
  • ความเป็นมา
  • วัตถุประสงค์
  • โครงสร้างการบริหาร
  • คณะกรรมการอำนวยการ
  • คณะกรรมการบริหาร
  • ภาคีสถาบันอุดมศึกษาและวิจัย
  • ติดต่อศูนย์ ฯ

บริการต่าง ๆ

  • PHTNET E-Learning
  • Postharvest Newsletter
  • เครื่องมือวิทยาศาสตร์
  • ห้องปฏิบัติการ
  • รายชื่อผู้ประกอบการ
  • ฐานข้อมูลผู้เชี่ยวชาญ
  • หลักสูตรวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยว
  • รูปภาพความเสียหายหลังการเก็บเกี่ยว
  • มาตรฐานสินค้าเกษตร และระเบียบการส่งออก
  • ลิ้งค์ที่เกี่ยวข้อง

หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

  • สถาบันวิจัยเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว
  • กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
  • กรมส่งเสริมการเกตร
  • กรมวิชาการเกษตร
  • สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร
  • อุตุนิยมวิทยาเพื่อการเกษตร
  • สมาคมผู้ส่งข้าวออกต่างประเทศ
  • ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย
  • สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (สวก.)

หน้าแรก > ข่าวเกษตรประจำวัน

กบนาในบ่อดินผนังคอนกรีต

เมื่อวันที่ 17 กันยายน 52

กบนาในบ่อดินผนังคอนกรีต กบนา
แนวโน้มการบริโภคกบนาทั้งในประเทศและต่างประเทศเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกษตรกรเริ่มสนใจที่จะหันมาเลี้ยงกบนามากขึ้น  แต่เกษตรกรส่วนใหญ่ไม่เข้าใจหลักการเลี้ยงพ่อแม่พันธุ์ อีกทั้งยังขาดความรู้วิชาการด้านการอนุบาลกบนาในวัยอ่อนที่ถูกต้อง

นายวินัย จั่นทับทิม ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืดร้อยเอ็ด เปิดเผยว่า จากปัญหาดังกล่าว กรมประมงโดยศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืดร้อยเอ็ด จึงได้ทำการทดลองเพาะพันธุ์และอนุบาลกบนาในบ่อดินผนังคอนกรีตเพื่อแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น จนกระทั่งประสบความสำเร็จสามารถขยายผลวิธีการเพาะเลี้ยงกบนาสู่เกษตรกร สร้างรายได้ให้กับเกษตรกรเป็นอย่างดี

เป็นวิธีหรือนวัตกรรมใหม่ โดยเฉพาะการนำลูกกบวัยอ่อนลงอนุบาลในบ่อดินทำให้ได้ผลผลิตเป็นจำนวนมาก ประหยัดเวลา แรงงาน และค่าใช้จ่าย ได้ลูกกบตามมาตรฐาน มีขนาดสม่ำเสมอ อัตราการรอดตายสูง สามารถกำหนดระยะเวลาการเพาะการอนุบาลและนำมาจำหน่ายได้ตรงกับความต้องการของตลาด

สำหรับวิธีการเพาะและอนุบาลกบนาในบ่อดินผนังคอนกรีต จะใช้พ่อแม่พันธุ์กบนาที่เลี้ยงในบ่อซีเมนต์ขนาด 50 ตารางเมตร ขนาดน้ำหนัก 280-300 กรัม เพาะพันธุ์โดยใช้วิธีเลียนแบบธรรมชาติ ปล่อยพ่อแม่พันธุ์ผสมพันธุ์กันเอง 8-10 คู่ หลังวางไข่กบจะฟักออกเป็นตัวภายใน 18-24 ชั่วโมง จากนั้นประมาณ 5 วัน จึงนำลูกอ๊อดลงอนุบาลในบ่อดินผนังคอนกรีตขนาด 800 ตารางเมตร โดยใช้รำผสมกับปลาป่นในอัตราส่วน 3 ต่อ 1 หว่านลงบนพื้นก้นบ่อเพื่อสร้างอาหารธรรมชาติ

จากนั้นเติมน้ำสูงประมาณ 80 เซนติเมตร นำลูกอ๊อดลงบ่อให้อาหาร รำ ปลาป่น อาหารปลาดุกใหญ่ อัตรา 3 ต่อ 1 ต่อ 2 ประมาณ 1-2 กิโลกรัม หว่านให้ทั่วบ่อวันละ 4 ครั้ง อนุบาลประมาณ 15-16 วัน สังเกตพบกบมีขาหน้าและเกาะที่ขอบบ่อให้ใช้อวนตาถี่รวบรวมลูกกบมาพักไว้บนบ่อ ซีเมนต์ขนาด 50 ตารางเมตร เพื่อเร่งให้ลูกอ๊อดเปลี่ยนเป็นกบเร็วขึ้น ใส่ผักบุ้งสุมเป็นกองสูงระดับน้ำ 5-10 เซนติเมตร เมื่อนำลูกกบมาพักไว้ 3-5 วัน ให้อาหารลูกกบเม็ดเล็กหว่านให้กินรอบบ่อและกองไว้บนแผ่นโฟม ลูกอ๊อดจะเปลี่ยนรูปร่างเป็นกบทั้งหมดภายใน 5 วัน โดยวิธีการนี้ทางศูนย์ฯ สามารถผลิตลูกกบได้จำนวนมาก ซึ่งแม่กบ 1 ตัว จะมีจำนวนไข่เฉลี่ยประมาณ 230-260 ฟอง ทำให้สามารถอนุบาลลูกกบได้ประมาณ 17,856-19,195 ตัวต่อครั้ง อัตรารอดเฉลี่ย 80-86 เปอร์เซ็นต์

และจากการที่ศูนย์ฯ สามารถผลิตลูกกบได้ในอัตราการรอดตายที่สูงมาก โดยกำหนดช่วงเวลาและขนาดของลูกกบได้แน่นอน ทำให้ผลผลิตช่วงที่เป็นลูกอ๊อดอายุประมาณ 14 วัน มีการนำไปจำหน่ายในแถบภาคอีสานที่นิยมบริโภคลูกอ๊อดหรือลูกฮวกเป็นจำนวนมาก ซึ่งการจำหน่ายลูกอ๊อดถือเป็นรายได้อีกทางหนึ่งในการเลี้ยงกบนา ซึ่งมีราคาสูงถึงกิโลกรัมละ 250-300 บาท ปัจจุบันมีการแปรรูปบรรจุภาชนะส่งขายตามร้านอาหารในพื้นที่บางจังหวัดแล้ว

สำหรับผู้ที่สนใจการเพาะเลี้ยงกบนาในบ่อคอนกรีต สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเพิ่มได้ที่ ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืดร้อยเอ็ด โทรศัพท์ 0-4356-9116 และสำนักงานประมงจังหวัดร้อยเอ็ด โทรศัพท์ 0-4351-3034 และ 0-4352-2383 ได้ในวันและเวลาราชการ.

ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ วันที่ 17 กันยายน 2552
http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=344&contentID=20658

ข่าวที่เกี่ยวข้อง
  • ทางเลือก-ทางรอดเกษตรกรรมไทยในปี 2553
  • มันสำปะหลังทุบสถิติส่งท้ายปี สูงเกินราคาประกันรัฐบาล คาดปีหน้ายังพุ่งขึ้นต่อเนื่อง
  • เตือนภัย เพลี้ยแป้งระบาดในมันสำปะหลัง
  • อียูลดค่าสีผสมอาหาร 3 ชนิด
  • สศก.เปิดเผยศึกษาลำไยนอกฤดู ยันเกษตรกรได้รับผลคุ้มค่า แนะตั้งกลุ่มส่งเสริมจริงจัง
  • โอกาสของเกษตรกรรายย่อยในการรับรองฟาร์มแบบกลุ่ม
  • มะนาวพันธุ์ 'แป้นดกพิเศษ' ดกกว่าพันธุ์แป้นรำไพ 2-3 เท่า
  • ศูนย์นวัตกรรมเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

    Postharvest Technology Innovation Center

    เทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว | ข่าวเกษตร | บทความ | ฐานข้อมูลงานวิจัย | วีดีโอ | Postharvest Technology