͢¢ԷҡѧPostharvest Technology Information NetworkPostharvest TechnologyɵҪԡ͢纺촡ɵҹŧҹԨ

แนะนำหน่วยงาน

  • หน้าหลัก
  • ประชาสัมพันธ์ศูนย์ฯ
  • ความเป็นมา
  • วัตถุประสงค์
  • โครงสร้างการบริหาร
  • คณะกรรมการอำนวยการ
  • คณะกรรมการบริหาร
  • ภาคีสถาบันอุดมศึกษาและวิจัย
  • ติดต่อศูนย์ ฯ

บริการต่าง ๆ

  • PHTNET E-Learning
  • Postharvest Newsletter
  • เครื่องมือวิทยาศาสตร์
  • ห้องปฏิบัติการ
  • รายชื่อผู้ประกอบการ
  • ฐานข้อมูลผู้เชี่ยวชาญ
  • หลักสูตรวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยว
  • รูปภาพความเสียหายหลังการเก็บเกี่ยว
  • มาตรฐานสินค้าเกษตร และระเบียบการส่งออก
  • ลิ้งค์ที่เกี่ยวข้อง

หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

  • สถาบันวิจัยเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว
  • กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
  • กรมส่งเสริมการเกตร
  • กรมวิชาการเกษตร
  • สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร
  • อุตุนิยมวิทยาเพื่อการเกษตร
  • สมาคมผู้ส่งข้าวออกต่างประเทศ
  • ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย
  • สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (สวก.)

หน้าแรก > ข่าวเกษตรประจำวัน

เปิดตัวนวัตกรรมใหม่ "พด.12" "กรมหมอดิน" ซุ่มทดลองนาน2ปี ช่วยลดต้นทุนปุ๋ย-เพิ่มผลผลิต 15%

เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 52

เปิดตัวนวัตกรรมใหม่ "พด.12" "กรมหมอดิน" ซุ่มทดลองนาน2ปี ช่วยลดต้นทุนปุ๋ย-เพิ่มผลผลิต 15%

นายฉลอง เทพวิทักษ์กิจ รองอธิบดีกรมพัฒนาที่ดิน เปิดเผยว่า กรมพัฒนาที่ดินเตรียมเปิดตัวโรงผลิตปุ๋ยและฮอร์โมนในดิน หรือ ปุ๋ยชีวภาพ พด.12 ในต้นปีงบประมาณ 2553 เพื่อเพิ่มผลผลิตทางการเกษตรให้กับเกษตรกร เนื่องจากเป็นกลุ่มจุลินทรีย์ที่สามารถสร้างธาตุอาหารหรือช่วยให้ธาตุอาหาร เป็นประโยชน์กับพืช เพิ่มความอุดมสมบูรณ์ให้กับดิน และสร้างฮอร์โมนส่งเสริมการเจริญเติบโตของพืช ซึ่งประกอบด้วยจุลินทรีย์ 4 ประเภท ได้แก่ 1.จุลินทรีย์ที่สามารถตรึงไนโตรเจนจากอากาศและเปลี่ยนให้เป็นรูปแอมโมเนียมที่เป็นประโยชน์ต่อพืช 2.จุลินทรีย์ที่เพิ่มการละลายของหินฟอสเฟต และช่วยปลดปล่อยฟอสฟอรัสที่ถูกตรึงไว้ในดินให้พืชสามารถดูดมาใช้ประโยชน์ได้ 3.จุลินทรีย์ที่ช่วยละลายและปลดปล่อยพแทสเซียมที่ถูกตรึงไว้ให้มาใช้ประโยชน์ได้ 4.ฮอร์โมนพืช ที่ช่วยกระตุ้นการเจริญงอกของเมล็ด ส่งเสริมการเจริญของรากพืช ทำให้พืชสามารถดูดน้ำและธาตุอาหารเพิ่มมากขึ้น

จากการทดลองใช้ปุ๋ยชีวภาพ พด.12 ร่วมกับปุ๋ยเคมี ในข้าว มันสำปะหลัง ข้าวโพดหวาน และผักกะหล่ำปลี มาเป็นเวลากว่า 2 ปี ปรากฏว่านอกจากจะลดการใช้ปุ๋ยเคมีได้ไม่ต่ำกว่า 50% แล้ว ที่สำคัญยังสามารถเพิ่มผลผลิตทางการเกษตรได้ 5-15%

โดยข้าวหอมมะลิ ลดต้นทุนการใช้ปุ๋ยเคมีได้ 369 บาท/ไร่ ขณะที่ผลผลิตเพิ่มขึ้น 3% ส่วนข้าว กข. ลดปุ๋ยเคมีได้ 369 บาท/ไร่ ผลผลิตเพิ่มขึ้น 8% สำหรับมันสำปะหลัง สามารถลดต้นทุนค่าปุ๋ยเคมีลงได้ 222 บาท/ไร่ ผลผลิตเพิ่มขึ้น 15% รวมทั้งเปอร์เซ็นต์แป้งเพิ่มขึ้น 1.6% หรือเพิ่มจาก 30.6 เป็น 32.2% ส่วนข้าวโพดหวานนั้นลดต้นทุนค่าปุ๋ยเคมีลงได้ระหว่าง 179-394 บาท/ไร่ เพิ่มผลผลิตได้ประมาณ 4-7% ขณะที่ผักกะหล่ำปลี สามารถลดต้นทุนได้ 179-394 บาท/ไร่ แต่ได้ผลผลิตเพิ่มขึ้นถึง 15%

" ที่ผ่านมาการผลิตปุ๋ยเคมีจะผลิตในโรงผลิตปุ๋ยบนดิน ใช้งบประมาณหลายล้านบาทต่อหนึ่งโรง โดยนำวัตถุดิบมาผลิตแล้วจึงใส่กลับลงไปในดิน แต่วิธีนี้เป็นการสร้างโรงผลิตปุ๋ยในดิน คือเราใช้จุลินทรีย์ใส่ลงไปในดินทำหน้าที่ผลิตปุ๋ยและปลดปล่อยและละลายธาตุ อาหารที่ถูกตรึงไว้ในดิน แล้วพืชก็จะทำหน้าที่ดูดไปใช้งานเอง เป็นการประหยัดงบประมาณ และช่วยลดขั้นตอนให้กับเกษตรกรด้วย" นายฉลอง กล่าว

ที่มา : หนังสือพิมพ์แนวหน้า วันที่ 28 สิงหาคม 2552
http://www.naewna.com/news.asp?ID=176285

ข่าวที่เกี่ยวข้อง
  • ทางเลือก-ทางรอดเกษตรกรรมไทยในปี 2553
  • มันสำปะหลังทุบสถิติส่งท้ายปี สูงเกินราคาประกันรัฐบาล คาดปีหน้ายังพุ่งขึ้นต่อเนื่อง
  • เตือนภัย เพลี้ยแป้งระบาดในมันสำปะหลัง
  • อียูลดค่าสีผสมอาหาร 3 ชนิด
  • สศก.เปิดเผยศึกษาลำไยนอกฤดู ยันเกษตรกรได้รับผลคุ้มค่า แนะตั้งกลุ่มส่งเสริมจริงจัง
  • โอกาสของเกษตรกรรายย่อยในการรับรองฟาร์มแบบกลุ่ม
  • มะนาวพันธุ์ 'แป้นดกพิเศษ' ดกกว่าพันธุ์แป้นรำไพ 2-3 เท่า
  • ศูนย์นวัตกรรมเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

    Postharvest Technology Innovation Center

    เทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว | ข่าวเกษตร | บทความ | ฐานข้อมูลงานวิจัย | วีดีโอ | Postharvest Technology