͢¢ԷҡѧPostharvest Technology Information NetworkPostharvest TechnologyɵҪԡ͢纺촡ɵҹŧҹԨ

แนะนำหน่วยงาน

  • หน้าหลัก
  • ประชาสัมพันธ์ศูนย์ฯ
  • ความเป็นมา
  • วัตถุประสงค์
  • โครงสร้างการบริหาร
  • คณะกรรมการอำนวยการ
  • คณะกรรมการบริหาร
  • ภาคีสถาบันอุดมศึกษาและวิจัย
  • ติดต่อศูนย์ ฯ

บริการต่าง ๆ

  • PHTNET E-Learning
  • Postharvest Newsletter
  • เครื่องมือวิทยาศาสตร์
  • ห้องปฏิบัติการ
  • รายชื่อผู้ประกอบการ
  • ฐานข้อมูลผู้เชี่ยวชาญ
  • หลักสูตรวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยว
  • รูปภาพความเสียหายหลังการเก็บเกี่ยว
  • มาตรฐานสินค้าเกษตร และระเบียบการส่งออก
  • ลิ้งค์ที่เกี่ยวข้อง

หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

  • สถาบันวิจัยเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว
  • กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
  • กรมส่งเสริมการเกตร
  • กรมวิชาการเกษตร
  • สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร
  • อุตุนิยมวิทยาเพื่อการเกษตร
  • สมาคมผู้ส่งข้าวออกต่างประเทศ
  • ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย
  • สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (สวก.)

หน้าแรก > ข่าวเกษตรประจำวัน

ปลานวลจันทร์ทะเลเลี้ยงในบ่อดินได้

เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 52

ปลานวลจันทร์ทะเลเลี้ยงในบ่อดินได้
นางสาวจินตนา นักระนาด ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่งประจวบคีรีขันธ์ ตำบลคลองวาฬ อำเภอเมือง  จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ได้เล่าให้ฟังว่าปลานวลจันทร์ทะเล หรือปลาดอกไม้ หรือปลาทูน้ำจืด เป็นปลาที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจของประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะในฟิลิปปินส์ จีน และไต้หวัน เนื่องจากมีรสชาติดี  เลี้ยงง่ายโตเร็ว สามารถอยู่ได้ทั้งในน้ำทะเล น้ำกร่อย และน้ำจืด มีความทนทานโรคค่อนข้างสูง กินอาหารได้หลากหลาย เช่น ตะไคร่น้ำ ไรน้ำ รำ รวมทั้งอินทรีย์สารตามพื้นบ่อและผิวน้ำ หรือสามารถให้อาหารสำเร็จรูปในการเลี้ยงแบบหนาแน่น

ในประเทศไทยมีการสำรวจพบลูกปลานวลจันทร์เป็นครั้งแรกที่บริเวณชายฝั่งทะเล คลองวาฬ ตำบลคลองวาฬ อำเภอเมือง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2493 ลูกปลาวัยอ่อนจะเข้ามาอาศัยหากินในบริเวณชายฝั่ง พบเป็นจำนวนมากในช่วงระหว่างเดือนเมษายนถึงพฤษภาคม และพบอีกช่วงประมาณเดือนตุลาคมถึงพฤศจิกายน ผลจากที่มีการสำรวจพบแหล่งลูกปลานวลจันทร์ทะเลที่ตำบลคลองวาฬ จึงได้มีการก่อตั้งสถานีประมงขึ้นในปี 2496 เพื่อรวบรวมและศึกษาทดลองเลี้ยงปลานวลจันทร์ทะเล

ในวันที่ 26 เมษายน ปีพุทธศักราช 2508 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พร้อมพระบรมวงศา นุวงศ์ ได้เสด็จพระราชดำเนินมาทอดพระเนตรลูกปลานวลจันทร์ทะเลจากบ่ออนุบาลที่สถานี ประมงจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ตำบลคลองวาฬ อำเภอเมือง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งก็คือศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่งประจวบคีรีขันธ์ในปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีความสนพระราชหฤทัยในการเลี้ยงปลานวลจันทร์ทะเล และเคยมีพระราชดำริให้นำลูกปลานวลจันทร์ทะเลไปปล่อยเลี้ยงในอ่างเก็บน้ำเขาเต่า อำเภอหัวหิน เพื่อให้ชาวบ้านได้ใช้เป็นอาหารและเพิ่มรายได้ในการยังชีพ ด้วยเป็นปลากินพืชเลี้ยงง่าย

ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่งประจวบคีรีขันธ์ได้รวบรวมลูกปลานวลจันทร์ ทะเลจากธรรมชาติมาทดลองเลี้ยงไว้ในบ่อดินเพื่อรวบรวมไว้เป็นพ่อแม่พันธุ์ มาตั้งแต่ก่อนปี 2530 พร้อมทั้งร่วมกับกองพัฒนาอุตสาหกรรมสัตว์น้ำในการพัฒนาการแปรรูปผลิตภัณฑ์ ปลานวลจันทร์ทะเลในรูปแบบต่าง ๆ เช่นปลานวลจันทร์ทะเลรมควัน ปลาก้างนิ่ม ปลาต้มเค็ม-ต้มหวานบรรจุกระป๋อง ซึ่งเป็นที่ยอมรับว่ามีรสชาติดี และสะดวกต่อการบริโภค


การเลี้ยงพ่อแม่พันธุ์ปลานวลจันทร์ทะเลต้องใช้ระยะเวลายาวนานไม่น้อยกว่า 5-6 ปี ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่งประจวบคีรีขันธ์ได้คัดเลือกปลานวลจันทร์ทะเล ที่มีขนาดใหญ่สำหรับใช้เป็นพ่อแม่พันธุ์จากบ่อดินขึ้นขุนเลี้ยงในบ่อคอนกรีต เพื่อการเพาะขยายพันธุ์นับตั้งแต่ก่อนปี 2540 ปลามีการวางไข่แต่มีจำนวนไม่มาก และอัตราการฟักและอัตราการรอดตายต่ำ ในปี 2545 ได้ทำการทดลองฉีดฮอร์โมนเพื่อกระตุ้นการวางไข่ของปลาเพศเมีย แต่พบว่ามีอัตราการผสมต่ำมากเนื่องจากพ่อแม่พันธุ์ยังขาดความสมบูรณ์ ต่อมาในปี 2548 พ่อแม่พันธุ์ปลานวลจันทร์ทะเลมีการผสมพันธุ์วางไข่ในบ่อคอนกรีต และสามารถอนุบาลลูกปลาได้เป็นผลสำเร็จ แต่ในระยะแรกลูกปลายังมีอัตราการฟักและอัตราการรอดตายต่ำ

และตั้งแต่ปี 2551 มาจนถึงปัจจุบัน ทางกรมประมงมีนโยบายมุ่งเน้นการพัฒนาการเพาะเลี้ยงปลานวลจันทร์ทะเลอย่าง จริงจัง โดยมีหน่วยงานต่าง ๆ ภายใต้สำนักวิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่งได้ให้ความร่วมมือในการพัฒนาอาหาร สำหรับพ่อแม่พันธุ์ พัฒนาเทคนิคการเพาะฟักและอนุบาล โดยมีศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่งประจวบคีรีขันธ์ผลิตไข่และลูกปลาแรกฟัก แจกจ่ายให้แก่ศูนย์และสถานีอื่น ๆ นำไปทดลองอนุบาล ในที่สุดก็สามารถอนุบาลลูกปลานวลจันทร์ทะเลจนได้ขนาดความยาวกว่า 2 ซม. ซึ่งพร้อมนำลงปล่อยธรรมชาติ หรือนำลงสู่บ่อเลี้ยงได้แล้วเป็นจำนวนไม่น้อย.

ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ วันที่ 27 สิงหาคม 2552
http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=344&contentID=16393

ข่าวที่เกี่ยวข้อง
  • ทางเลือก-ทางรอดเกษตรกรรมไทยในปี 2553
  • มันสำปะหลังทุบสถิติส่งท้ายปี สูงเกินราคาประกันรัฐบาล คาดปีหน้ายังพุ่งขึ้นต่อเนื่อง
  • เตือนภัย เพลี้ยแป้งระบาดในมันสำปะหลัง
  • อียูลดค่าสีผสมอาหาร 3 ชนิด
  • สศก.เปิดเผยศึกษาลำไยนอกฤดู ยันเกษตรกรได้รับผลคุ้มค่า แนะตั้งกลุ่มส่งเสริมจริงจัง
  • โอกาสของเกษตรกรรายย่อยในการรับรองฟาร์มแบบกลุ่ม
  • มะนาวพันธุ์ 'แป้นดกพิเศษ' ดกกว่าพันธุ์แป้นรำไพ 2-3 เท่า
  • ศูนย์นวัตกรรมเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

    Postharvest Technology Innovation Center

    เทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว | ข่าวเกษตร | บทความ | ฐานข้อมูลงานวิจัย | วีดีโอ | Postharvest Technology