͢¢ԷҡѧPostharvest Technology Information NetworkPostharvest TechnologyɵҪԡ͢纺촡ɵҹŧҹԨ

แนะนำหน่วยงาน

  • หน้าหลัก
  • ประชาสัมพันธ์ศูนย์ฯ
  • ความเป็นมา
  • วัตถุประสงค์
  • โครงสร้างการบริหาร
  • คณะกรรมการอำนวยการ
  • คณะกรรมการบริหาร
  • ภาคีสถาบันอุดมศึกษาและวิจัย
  • ติดต่อศูนย์ ฯ

บริการต่าง ๆ

  • PHTNET E-Learning
  • Postharvest Newsletter
  • เครื่องมือวิทยาศาสตร์
  • ห้องปฏิบัติการ
  • รายชื่อผู้ประกอบการ
  • ฐานข้อมูลผู้เชี่ยวชาญ
  • หลักสูตรวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยว
  • รูปภาพความเสียหายหลังการเก็บเกี่ยว
  • มาตรฐานสินค้าเกษตร และระเบียบการส่งออก
  • ลิ้งค์ที่เกี่ยวข้อง

หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

  • สถาบันวิจัยเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว
  • กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
  • กรมส่งเสริมการเกตร
  • กรมวิชาการเกษตร
  • สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร
  • อุตุนิยมวิทยาเพื่อการเกษตร
  • สมาคมผู้ส่งข้าวออกต่างประเทศ
  • ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย
  • สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (สวก.)

หน้าแรก > ข่าวเกษตรประจำวัน

ประมงวิจัยขยายพันธุ์ปลาบู่ ศึกษาวิธีอนุบาลลูกปลาวัยอ่อน/จ้องปั้นเป็นสัตว์เศรษฐกิจ

เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 52

ประมงวิจัยขยายพันธุ์ปลาบู่ ศึกษาวิธีอนุบาลลูกปลาวัยอ่อน/จ้องปั้นเป็นสัตว์เศรษฐกิจ

ดร.สมหญิง เปี่ยมสมบูรณ์ อธิบดีกรมประมง เผยว่า ได้มอบนโยบายให้นักวิชาการของกรม ทำการศึกษาและวิจัยทดลองขยายพันธุ์ปลาบู่ เพื่อเป็นทางเลือกหนึ่งในการประกอบอาชีพสำหรับประชาชน อันจะนำรายได้ที่มั่นคงมาสู่ครอบครัว เนื่องจากปลาบู่เป็นที่ต้องการของตลาด Hypermarket ในประเทศ และตลาดต่างประเทศ อาทิ สิงคโปร์ ฮ่องกง ไต้หวัน และจีน เพราะเป็นปลาเนื้อขาวที่มีรสชาติอร่อย เนื้อนุ่มฟู เหนียว ไม่เละ เฉกเช่นเดียวกับปลาสำลี จึงเป็นที่นิยมของผู้บริโภค

อย่างไรก็ตาม ปลาบู่ มีราคาแพงมาก ราคาขายอยู่ที่ประมาณ 500 - 700 บาท/กิโลกรัม จึงมีแค่เพียงผู้ที่มีกำลังซื้อสูงเท่านั้นถึงจะได้รับประทาน ส่วนใหญ่นิยมรับประทานกันแบบนำปลาเป็นๆ ไปประกอบอาหารในภัตตาคารจีน เรียกว่าขึ้นเหลาเท่านั้นถึงได้ลิ้มรส

การที่ปลาบู่มีราคาสูงมากนั้น เนื่องจากปัจจุบันปลาที่มีขายกันอยู่นั้นเป็นปลาที่จับได้จากธรรมชาติทั้งสิ้น ถึงแม้ว่ากรมประมง จะประสบความสำเร็จในการเพาะพันธุ์ปลาบู่ และปล่อยลงสู่แหล่งน้ำธรรมชาติแล้วก็ตาม แต่สำหรับการอนุบาลลูกปลาบู่วัยอ่อนให้มีชีวิตรอดนั้นยังมีจำนวนไม่มากพอที่ จะสามารถขยายผลในเชิงพาณิชย์ได้ จึงไม่มีวัตถุดิบป้อนสู่ตลาดได้ตามความต้องการ

ด้วยเหตุนี้เอง จึงได้สั่งการให้นักวิชาการประมงศึกษาวิจัยในเรื่องนี้อย่างจริงจัง โดยเฉพาะการอนุบาลลูกปลาบู่วัยอ่อน โดยในระยะแรกภายใน 9 เดือนข้างหน้า มีเป้าจะผลิตลูกปลาบู่ให้ได้ 100,000 ตัว อย่างไรก็ตามในช่วงประมาณปลายเดือนสิงหาคมนี้ จะนำร่องปล่อยพันธุ์ปลาบู่ที่เพาะได้ก่อนหน้านี้สู่แหล่งน้ำธรรมชาติ ในโครงการฟื้นฟูพันธุ์ปลาไทย ตามพระราชเสาวนีย์ของสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ จากนั้นหากการศึกษาประสบผลสำเร็จ ก็จะเผยแพร่ความรู้ให้เกษตรกรสามารถนำไปประกอบอาชีพได้

ทั้งนี้ หากมีผู้เพาะเลี้ยงปลาบู่เพิ่มขึ้นและปริมาณผลผลิตมากขึ้น เพียงพอต่อความต้องการของตลาด ราคาก็คงจะลดลงทำให้ผู้บริโภคสามารถซื้อหามารับประทานได้ง่ายขึ้น ทั้งยังสามารถส่งออกสู่ตลาดต่างประเทศนำรายได้เข้าสู่ประเทศได้อย่างดีที เดียว โดยเฉพาะการส่งออกในรูปแบบของปลาที่ยังมีชีวิต ที่สำคัญอย่างยิ่ง จะเป็นการช่วยอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติให้คงอยู่อย่างยั่งยืนอีกด้วย

ที่มา : หนังสือพิมพ์แนวหน้า วันที่ 13 สิงหาคม 2552
http://www.naewna.com/news.asp?ID=174219

ข่าวที่เกี่ยวข้อง
  • ทางเลือก-ทางรอดเกษตรกรรมไทยในปี 2553
  • มันสำปะหลังทุบสถิติส่งท้ายปี สูงเกินราคาประกันรัฐบาล คาดปีหน้ายังพุ่งขึ้นต่อเนื่อง
  • เตือนภัย เพลี้ยแป้งระบาดในมันสำปะหลัง
  • อียูลดค่าสีผสมอาหาร 3 ชนิด
  • สศก.เปิดเผยศึกษาลำไยนอกฤดู ยันเกษตรกรได้รับผลคุ้มค่า แนะตั้งกลุ่มส่งเสริมจริงจัง
  • โอกาสของเกษตรกรรายย่อยในการรับรองฟาร์มแบบกลุ่ม
  • มะนาวพันธุ์ 'แป้นดกพิเศษ' ดกกว่าพันธุ์แป้นรำไพ 2-3 เท่า
  • ศูนย์นวัตกรรมเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

    Postharvest Technology Innovation Center

    เทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว | ข่าวเกษตร | บทความ | ฐานข้อมูลงานวิจัย | วีดีโอ | Postharvest Technology