͢¢ԷҡѧPostharvest Technology Information NetworkPostharvest TechnologyɵҪԡ͢纺촡ɵҹŧҹԨ

แนะนำหน่วยงาน

  • หน้าหลัก
  • ประชาสัมพันธ์ศูนย์ฯ
  • ความเป็นมา
  • วัตถุประสงค์
  • โครงสร้างการบริหาร
  • คณะกรรมการอำนวยการ
  • คณะกรรมการบริหาร
  • ภาคีสถาบันอุดมศึกษาและวิจัย
  • ติดต่อศูนย์ ฯ

บริการต่าง ๆ

  • PHTNET E-Learning
  • Postharvest Newsletter
  • เครื่องมือวิทยาศาสตร์
  • ห้องปฏิบัติการ
  • รายชื่อผู้ประกอบการ
  • ฐานข้อมูลผู้เชี่ยวชาญ
  • หลักสูตรวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยว
  • รูปภาพความเสียหายหลังการเก็บเกี่ยว
  • มาตรฐานสินค้าเกษตร และระเบียบการส่งออก
  • ลิ้งค์ที่เกี่ยวข้อง

หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

  • สถาบันวิจัยเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว
  • กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
  • กรมส่งเสริมการเกตร
  • กรมวิชาการเกษตร
  • สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร
  • อุตุนิยมวิทยาเพื่อการเกษตร
  • สมาคมผู้ส่งข้าวออกต่างประเทศ
  • ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย
  • สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (สวก.)

หน้าแรก > ข่าวเกษตรประจำวัน

หนุนเกษตรกรผลิตปุ๋ยอินทรีย์ลดต้นทุน เพิ่มรายได้อย่างยั่งยืน

เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 52

หนุนเกษตรกรผลิตปุ๋ยอินทรีย์ลดต้นทุน เพิ่มรายได้อย่างยั่งยืน
ปัญหาที่เกษตรกรพบอยู่เป็นประจำทุกปี ก็คือราคาผลผลิตทางการเกษตรตกต่ำ และปัจจัยการผลิตมีราคาสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะปุ๋ยเคมีด้วยแล้วมีแนวโน้มปรับราคาสูงขึ้นเรื่อย ๆ ตามราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ทำให้ต้นทุนของเกษตรกรสูงไม่สัมพันธ์กับราคาสินค้าที่ขายได้ ส่งผลให้เกษตรกรต้องเป็นหนี้สินอย่างที่เป็นอยู่ การที่จะแก้ปัญหาราคาปุ๋ยเคมีสูงได้วิธีหนึ่ง คือการปรับเปลี่ยนจากระบบการเกษตรที่ใช้สารเคมีมาเป็นการพึ่งพาเกษตรอินทรีย์ที่สามารถผลิตได้เอง เพื่อความยั่งยืนในอาชีพ

กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีจุดมุ่งหมายที่จะช่วยให้เกษตรกรมีรายได้และความมั่นคงในการประกอบอาชีพการเกษตร โดยมีเป้าหมาย ในการลดต้นทุนการผลิตของเกษตรกรลง ทั้งในเรื่องของปัจจัยการผลิต รวมทั้งด้านการบริหารจัดการ โดยตั้งเป้าลดต้นทุนการผลิตลงให้ได้ 7-10% และหน่วยงานจะต้องมีแผนการดำเนินงาน เพื่อสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรให้มากกว่าต้นทุนการผลิต ประมาณ 15-20% โดยต้องดำเนินการให้เห็นเป็นรูปธรรม

นายศุภชัย  โพธิ์สุ  รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า ช่วงนี้เป็นช่วงที่เกษตรกรส่วนใหญ่กำลังเร่งการผลิต จึงจำเป็นต้องใช้ปุ๋ยและสารเคมีทางการเกษตรเพื่อเพิ่มผลผลิตอย่างมาก ดังนั้นกระทรวงเกษตรฯ จึงได้สั่งการให้กรมวิชาการเกษตรดำเนินการตรวจสอบและจับกุมผู้ผลิตและ จำหน่ายปุ๋ยและสารเคมีทางการเกษตรที่ไม่ได้มาตรฐานหรือผิดกฎหมาย เพื่อป้องกันไม่ให้เกษตรกรตกเป็นเหยื่อ นอกจากนี้ กระทรวงเกษตรฯ ยังมีนโยบายที่จะผลักดันให้เกษตรกรลดต้นทุนการผลิตอย่างยั่งยืน คือการส่งเสริมให้เกษตรกรหันมาทำและใช้ปุ๋ยอินทรีย์ที่เกษตรกรสามารถผลิตได้เองจากวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรในท้องถิ่นของตนเองเพื่อลดการใช้ปุ๋ยเคมีและสารเคมี โดยมอบหมายให้กรมพัฒนาที่ดินเป็นหน่วยงานในการดูแลเรื่องดังกล่าว

ด้าน นายบัณฑิต ตันศิริ อธิบดีกรมพัฒนาที่ดิน กล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ผ่านมากรมพัฒนาที่ดินได้จัดตั้งกลุ่มเกษตรกรใช้สารอินทรีย์ทดแทนสารเคมีทางการเกษตร มาตั้งแต่ปี 2550 ปีละ 17,000 กลุ่ม เกษตรกรเป้าหมาย 850,000  ราย  รวม  3  ปี  ก็มีกลุ่มไม่ต่ำกว่า 50,000  กลุ่ม ในหมู่บ้านต่าง ๆ ทั่วประเทศ เกษตรกรประมาณ 2.5 ล้านคน ซึ่งเกษตรกรให้ความสนใจที่จะเข้าร่วมโครงการดังกล่าวจำนวนมาก เพราะนอกจากจะช่วยลดต้นทุนค่าปุ๋ยเคมีหรือสารเคมีได้ไม่ต่ำกว่า 30% แล้ว สารอินทรีย์ยังช่วยปรับปรุงสภาพดินให้มีความอุดมสมบูรณ์ พืชผลเจริญงอกงามให้ผลผลิตดีขึ้นด้วย ที่สำคัญเกษตรกรยังมีรายได้เพิ่มจากการขายปุ๋ยอินทรีย์ให้กับเกษตรกรในพื้นที่ได้อีกทางหนึ่ง

อย่างไรก็ตาม เมื่อมีการส่งเสริมให้เกษตรกร ผลิตปุ๋ยอินทรีย์แล้ว สิ่งที่กรมฯ ตั้งเป้าดำเนินการต่อไปคือเร่งรับรองคุณภาพปุ๋ยของกลุ่มเกษตรกร เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภค ซึ่งในปีนี้ตั้งเป้ารับรองมาตรฐานสินค้า Q ให้ได้อย่างน้อย 250 แห่ง พร้อมกันนี้ได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปดูแล กระบวนการผลิตปุ๋ยอินทรีย์ของแต่ละกลุ่มอย่างใกล้ชิด เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพการผลิตและการดำเนินงานของกลุ่มให้สามารถอยู่รอดด้วย การพึ่งพาตนเอง โรงปุ๋ยที่อยู่ในเกรดซีก็ต้องพัฒนายกระดับขึ้นมาสู่ระดับบีและเอต่อไปให้ได้ และสร้างกลุ่มใหม่ขึ้นมาทดแทนไปเรื่อย ๆ
  
สำหรับกลุ่มเกษตรกรที่ยังไม่มีความเข้มแข็ง มีสาเหตุหลัก ๆ มาจากความไม่พร้อมของเกษตรกรในพื้นที่ที่ไม่อาจรวมกลุ่มกันดำเนินการได้ รวมถึงบางแห่งไม่มีวัตถุดิบที่เหมาะสมในการนำมาผลิตเป็นปุ๋ยอินทรีย์ ซึ่งกรมฯ จะเร่งเข้าไปแก้ไขปัญหาให้ทุกกลุ่มตามความเหมาะสม โดยมุ่งเน้นการมีส่วนร่วมของเกษตรกร องค์การปกครองส่วนท้องถิ่น ตลอดจนหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้โครงการดังกล่าวสำเร็จลุล่วงตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ ผลประโยชน์จะตกอยู่ที่เกษตรกรทั้งผู้ผลิตปุ๋ยอินทรีย์และผู้ใช้ รวมไปถึงผู้บริโภค

นอกจากการจัดตั้งกลุ่มเกษตรกรใช้สารอินทรีย์ทดแทนสารเคมีแล้ว กรมพัฒนาที่ดินยังมีโครงการเกษตรอินทรีย์ในโรงเรียน และอีกมากมายที่ล้วนแต่เป็นโครงการที่จะเข้าไปช่วยให้เกษตรกรมีระบบการผลิต ที่เน้นการพึ่งพาธรรมชาติ พึ่งพาตนเองมากขึ้น  ซึ่งเป็นวิถีการผลิตพืชผลทางการเกษตรที่มีความยั่งยืนและมั่นคง หากเกษตรกรท่านใดสนใจระบบการผลิตเกษตรอินทรีย์สามารถขอความรู้ได้ที่กรมพัฒนาที่ดินหรือหมอดินอาสาประจำหมู่บ้านกว่า  70,000  รายทั่วประเทศ.

ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ วันที่ 11 สิงหาคม 2552
http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=344&contentID=13339

ข่าวที่เกี่ยวข้อง
  • ทางเลือก-ทางรอดเกษตรกรรมไทยในปี 2553
  • มันสำปะหลังทุบสถิติส่งท้ายปี สูงเกินราคาประกันรัฐบาล คาดปีหน้ายังพุ่งขึ้นต่อเนื่อง
  • เตือนภัย เพลี้ยแป้งระบาดในมันสำปะหลัง
  • อียูลดค่าสีผสมอาหาร 3 ชนิด
  • สศก.เปิดเผยศึกษาลำไยนอกฤดู ยันเกษตรกรได้รับผลคุ้มค่า แนะตั้งกลุ่มส่งเสริมจริงจัง
  • โอกาสของเกษตรกรรายย่อยในการรับรองฟาร์มแบบกลุ่ม
  • มะนาวพันธุ์ 'แป้นดกพิเศษ' ดกกว่าพันธุ์แป้นรำไพ 2-3 เท่า
  • ศูนย์นวัตกรรมเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

    Postharvest Technology Innovation Center

    เทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว | ข่าวเกษตร | บทความ | ฐานข้อมูลงานวิจัย | วีดีโอ | Postharvest Technology