͢¢ԷҡѧPostharvest Technology Information NetworkPostharvest TechnologyɵҪԡ͢纺촡ɵҹŧҹԨ

แนะนำหน่วยงาน

  • หน้าหลัก
  • ประชาสัมพันธ์ศูนย์ฯ
  • ความเป็นมา
  • วัตถุประสงค์
  • โครงสร้างการบริหาร
  • คณะกรรมการอำนวยการ
  • คณะกรรมการบริหาร
  • ภาคีสถาบันอุดมศึกษาและวิจัย
  • ติดต่อศูนย์ ฯ

บริการต่าง ๆ

  • PHTNET E-Learning
  • Postharvest Newsletter
  • เครื่องมือวิทยาศาสตร์
  • ห้องปฏิบัติการ
  • รายชื่อผู้ประกอบการ
  • ฐานข้อมูลผู้เชี่ยวชาญ
  • หลักสูตรวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยว
  • รูปภาพความเสียหายหลังการเก็บเกี่ยว
  • มาตรฐานสินค้าเกษตร และระเบียบการส่งออก
  • ลิ้งค์ที่เกี่ยวข้อง

หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

  • สถาบันวิจัยเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว
  • กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
  • กรมส่งเสริมการเกตร
  • กรมวิชาการเกษตร
  • สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร
  • อุตุนิยมวิทยาเพื่อการเกษตร
  • สมาคมผู้ส่งข้าวออกต่างประเทศ
  • ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย
  • สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (สวก.)

หน้าแรก > ข่าวเกษตรประจำวัน

'เชื้อรา' ภัยร้าย(แฝง) จากข้าวโพด-ข้าวฟ่าง

เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 52

'เชื้อรา' ภัยร้าย(แฝง) จากข้าวโพด-ข้าวฟ่าง ภาวะโลกร้อน ได้ส่งผลให้พืชอาหารหลาย ๆ ชนิด มีความเสี่ยงที่จะเกิดโรคได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะโรคที่เกิดจากเชื้อราซึ่งสามารถปนเปื้อนมากับพืชอาหารอย่าง ข้าวโพด และ ข้าวฟ่าง ได้ค่อนข้างง่าย การจัดการแปลงปลูกจึงถือเป็นเรื่องสำคัญสำหรับเกษตรกร มิฉะนั้นผู้ที่บริโภคข้าวโพดตลอดห่วงโซ่อาหารอาจตกเป็นเหยื่อของโรคร้ายอย่าง “มะเร็ง” จากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็เป็นได้

“จากสภาวะความเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิของเปลือกโลกที่ร้อนขึ้น ส่งผลให้ฤดูกาลในแต่ละปีมีความผันผวนไม่แน่นอน โดยเฉพาะฤดูฝนที่มีอิทธิพลต่อภาคเกษตรกรรมของไทยเป็นอย่างมาก ทำให้พืชไร่หลาย ๆ  ชนิดได้รับผลกระทบโดยเฉพาะ ข้าวโพดและข้าวฟ่าง โดยผลกระทบที่เกิดกับพืชเหล่านี้ก็คือ เมื่อฤดูฝนไม่มีความแน่นอนช้าเร็วจน ไม่สามารถคาดเดาได้ ทำให้เกษตรกรวางแผนการผลิตได้ไม่ดี เนื่องจากข้าวโพดเป็นพืชที่ไม่ได้ต้องการน้ำฝนมากเหมือนกับพืชชนิดอื่น ๆ”  นางชุติมันต์ พานิชศักดิ์พัฒนา  นักวิชาการโรคพืชชำนาญการพิเศษ สถาบันวิจัยพืชไร่ กรมวิชาการเกษตร กล่าว

ประกอบกับข้าวโพดเป็นพืชที่เสี่ยงต่อการเกิดโรคอยู่แล้ว เช่น โรคใบไหม้แผลเล็ก ใบไหม้แผลใหญ่ โรคขาดธาตุแคลเซียม และโรคจากเชื้อรา ราสนิม ราน้ำค้าง และหากเกษตรกรจัดการแปลงได้ไม่ดีพอ เมื่อมาเจอปัญหาฝนตกในช่วงใกล้เก็บเกี่ยว หรือช่วงเก็บเกี่ยวผลผลิตและหลังการเก็บเกี่ยวก็จะทำให้ข้าวโพดเกิดเป็น “เชื้อรา” ขึ้นมาได้ง่าย โดยเชื้อราส่วนใหญ่จะเกิดขณะที่ข้าวโพดและข้าวฟ่างแก่แล้วเรียกว่า เชื้อราหลังการเก็บเกี่ยว

เชื้อราที่เกิดขึ้นภายหลังการเก็บเกี่ยว นอกจากจะสร้างความเสียหายให้กับผลผลิตแล้ว ยังอาจก่อโรคร้ายในคนและสัตว์ หากเกษตรกรไม่ทำลายข้าวโพดที่เป็นเชื้อรา และเมื่อเกษตรกรนำข้าวโพดที่เป็นเชื้อราไปใช้ในอุตสาหกรรมสัตว์เลี้ยง ก็จะทำให้ห่วงโซ่อาหารทั้งคนและสัตว์ต่างได้รับผลกระทบไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะเมื่อสัตว์รับประทานข้าวโพดหรือข้าวฟ่างที่มีการปนเปื้อนเชื้อรา คนก็ไปรับประทานเนื้อสัตว์ต่อ ทำให้เกิดความผิดปกติของสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในห่วงโซ่อาหาร

นอกจากข้าวโพดและข้าวฟ่างแล้ว พืชบางชนิดก็สามารถเกิดการปนเปื้อนจากเชื้อราได้เช่นกัน เช่น ข้าวกล้อง ถั่วลิสง พริกแห้ง มะม่วงหิมพานต์ มะตูม และกาแฟ หากการจัดการในการเก็บรักษาไม่ดีพอ ก็จะทำให้เชื้อราเจริญเติบโตและสร้างสารพิษที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่าขึ้นมาภายใน 24 ชั่วโมง หรือเมื่อสภาวะแวดล้อมมีความเหมาะสม และสารพิษจำพวกนี้ยังมีคุณสมบัติทนความร้อนได้ถึง 200 องศาเซลเซียส เมื่อความร้อนทำลายสารพิษไม่ได้ ดังนั้นเมื่อเชื้อดังกล่าวเข้าไปสู่ร่างกายของคนเราแล้วก็เข้าไปทำลายดีเอ็นเอในร่างกาย ส่งผลให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในระดับเซลล์จนกลายเป็นสาเหตุของการเกิดโรค มะเร็งขึ้นมาโดยเฉพาะมะเร็งตับ

สำหรับ วิธีป้องกันอันดับแรกต้องเริ่มตั้งแต่ระดับไร่นา คือ เกษตรกรควรจะศึกษาและเลือกใช้พันธุ์พืชที่มีความต้านทานโรคได้ดี และเป็นพันธุ์ที่มีระยะเวลาการเก็บผลผลิตที่สั้นเพื่อป้องกันไม่ให้เจอกับฝน ในช่วงการเก็บผลผลิต รวมทั้งลดปริมาณการใช้สารเคมีให้น้อยลงเพราะหากมีการใช้สารเคมีมากไปก็จะทำให้ข้าวโพดไม่แข็งแรงเสี่ยงต่อการเกิดโรคได้ง่าย ขณะเดียวกันอาจหันมาใช้อินทรียวัตถุในการปรับปรุงบำรุงดินแทน เพื่อสร้างความต้านทานเชื้อโรคให้กับพืช รวมถึงมีการจัดการแปลงปลูกที่ดีและเหมาะสมตามมาตรฐานการรับรองแปลงปลูก GAP ในขั้นตอนการเก็บเกี่ยวเกษตรกรจะต้องระวังไม่ให้ผลผลิตโดนความชื้นและลดความชื้นให้ต่ำกว่าร้อยละ 12-14 ตลอดระยะเวลาที่เก็บไว้ก่อนการนำออกสู่ตลาด

หากเกษตรกรพบว่ามีข้าวโพดที่ปนเปื้อนเชื้อราต้องทำลายและคัดทิ้งไป ด้วยการนำไปทำเป็นปุ๋ย ไม่ควรนำไปใช้เป็นอาหารของคนและสัตว์ เพราะจะทำให้เชื้อราลุกลามไปสู่เมล็ดที่เหลืออยู่ทั้งหมด เมื่อนำมาบริโภคสารพิษจากเชื้อราก็เข้าสู่ห่วงโซ่อาหาร

อย่างไรก็ตามเกษตรกรผู้ผลิตสินค้าอาหารชนิดต่าง ๆ ควรให้ความสำคัญและคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้บริโภค ในส่วนของภาครัฐในอนาคตก็คงต้องทำการวิจัยด้านการปรับปรุงพันธุ์พืชให้เหมาะสมกับฤดูกาลที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างต่อเนื่อง เช่น ข้าวโพดที่เดิมมีระยะเวลาการเก็บเกี่ยวผลผลิต 120 วัน ก็อาจจะวิจัยปรับปรุงพันธุ์ให้มีการเก็บเกี่ยวเร็วขึ้น 70-80 วัน และเป็นพันธุ์ที่มีความต้านทานต่อโรคสูงขึ้น ตลอดจนการตรวจสอบสารพิษที่เกิดจากเชื้อราปนเปื้อนมาสู่อาหารคนและสัตว์ด้วย.

ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ วันที่ 21 กรกฎาคม 2552
http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=346&contentID=9231

ข่าวที่เกี่ยวข้อง
  • ทางเลือก-ทางรอดเกษตรกรรมไทยในปี 2553
  • มันสำปะหลังทุบสถิติส่งท้ายปี สูงเกินราคาประกันรัฐบาล คาดปีหน้ายังพุ่งขึ้นต่อเนื่อง
  • เตือนภัย เพลี้ยแป้งระบาดในมันสำปะหลัง
  • อียูลดค่าสีผสมอาหาร 3 ชนิด
  • สศก.เปิดเผยศึกษาลำไยนอกฤดู ยันเกษตรกรได้รับผลคุ้มค่า แนะตั้งกลุ่มส่งเสริมจริงจัง
  • โอกาสของเกษตรกรรายย่อยในการรับรองฟาร์มแบบกลุ่ม
  • มะนาวพันธุ์ 'แป้นดกพิเศษ' ดกกว่าพันธุ์แป้นรำไพ 2-3 เท่า
  • ศูนย์นวัตกรรมเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

    Postharvest Technology Innovation Center

    เทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว | ข่าวเกษตร | บทความ | ฐานข้อมูลงานวิจัย | วีดีโอ | Postharvest Technology