͢¢ԷҡѧPostharvest Technology Information NetworkPostharvest TechnologyɵҪԡ͢纺촡ɵҹŧҹԨ

แนะนำหน่วยงาน

  • หน้าหลัก
  • ประชาสัมพันธ์ศูนย์ฯ
  • ความเป็นมา
  • วัตถุประสงค์
  • โครงสร้างการบริหาร
  • คณะกรรมการอำนวยการ
  • คณะกรรมการบริหาร
  • ภาคีสถาบันอุดมศึกษาและวิจัย
  • ติดต่อศูนย์ ฯ

บริการต่าง ๆ

  • PHTNET E-Learning
  • Postharvest Newsletter
  • เครื่องมือวิทยาศาสตร์
  • ห้องปฏิบัติการ
  • รายชื่อผู้ประกอบการ
  • ฐานข้อมูลผู้เชี่ยวชาญ
  • หลักสูตรวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยว
  • รูปภาพความเสียหายหลังการเก็บเกี่ยว
  • มาตรฐานสินค้าเกษตร และระเบียบการส่งออก
  • ลิ้งค์ที่เกี่ยวข้อง

หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

  • สถาบันวิจัยเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว
  • กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
  • กรมส่งเสริมการเกตร
  • กรมวิชาการเกษตร
  • สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร
  • อุตุนิยมวิทยาเพื่อการเกษตร
  • สมาคมผู้ส่งข้าวออกต่างประเทศ
  • ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย
  • สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (สวก.)

หน้าแรก > ข่าวเกษตรประจำวัน

ฟาร์ม "ปลาทับทิม" อาชีพแก้จนยุคพอเพียง

เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 52

ฟาร์ม "ปลาทับทิม" อาชีพแก้จนยุคพอเพียง

ฟาร์ม ปลาทับทิมเดี๋ยว นี้ใครๆ ก็หันไปนิยมปลาทับทิม ซื้อก็ง่ายขายก็คล่อง กินอร่อยเพราะมีเนื้อที่หวานแน่น อุดมด้วยโอเมก้า 3 ช่วยให้สมองดี เลือดดี หุ่นดี ฯลฯ

แต่สินค้าดีอย่างเดียวนั้นไม่พอ ต้องรู้จักการบริหารการจัดการด้วย ซึ่งหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาสายพันธุ์พืชผักผลไม้ รวมไปถึงหมูเห็ดเป็ดไก่ ต้องยกให้ "ซีพี"

อดิศร์ กฤษณวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ ในฐานะผู้พัฒนาและปรับปรุงสายพันธุ์ปลาโดยวิธีธรรมชาติ ทั้งยังถ่ายทอดความรู้และเทคโนโลยีการเลี้ยงปลาทับทิมผ่านโครงการส่งเสริมอาชีพการเลี้ยงปลาทับทิมครบวงจรสู่เกษตรกรไทย เผยความลับให้ฟังว่า

ปลาทับทิม ก็คือปลานิลสายพันธุ์หนึ่ง มีถิ่นกำเนิดอยู่ที่แม่น้ำไนล์ของทวีปแอฟริกาตอนเหนือ เป็นปลาที่เติบโตเร็ว ปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมได้ดี มีความต้านทานโรคสูง ออกลูกได้เก่งและมาก

จึงมีการนำพันธุ์ปลาไปเพาะพันธุ์โดยเฉพาะในประเทศมีอาหารประเภทโปรตีนน้อย เช่น ประเทศญี่ปุ่นเมื่อช่วงหลังสงครามก็นำปลานิลสายพันธุ์ชนิดนี้นำไปขยายพันธุ์ และนำไปปล่อยตามแหล่งน้ำธรรมชาติเพื่อเป็นอาหารให้กับประชาชน

จนกระทั่งปี พ.ศ.2508 สมเด็จพระจักรพรรดิอะกิฮิโตะ เมื่อครั้งดำรงพระอิสริยยศมกุฎราชกุมารแห่งประเทศญี่ปุ่น ได้นำลูกปลาสายพันธุ์ปลานิล ทูลเกล้าฯถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงโปรดฯ ให้นำไปเพาะขยายพันธุ์ต่อภายในพระตำหนักสวนจิตรลดา และได้พระราชทานพันธุ์ปลาชนิดนี้แก่กรมประมง เพื่อแจกจ่ายไปทั่วประเทศในชื่อ "ปลานิลจิตรลดา"

ต่อมาในปี พ.ศ.2530 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงโปรดเกล้าฯ พระราชทานแนวพระราชดำริให้ ธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหารเครือเจริญโภคภัณฑ์ นำปลานิลจิตรลดาไปพัฒนาสายพันธุ์ใหม่โดยเลือกลักษณะเด่นของปลาแต่ละสายพันธุ์ที่ต้องการนำมาผสมพันธุ์จนได้ปลาเนื้อพันธุ์ใหม่ เพื่อให้สามารถเจริญเติบโตได้ดีในน้ำเค็ม

ในปี พ.ศ.2541 พระราชทานนามปลาชนิดใหม่ว่า "ปลาทับทิม" ตามลักษณะภายนอกอันโดดเด่น คือ สีของเกล็ดและตัวปลาที่มีสีแดงอมชมพูดูเป็นมงคล

นอกจากนี้ปลาทับทิมยังมีลักษณะเด่น 9 ประการ อาทิ อุดมด้วยคุณค่าทางโภชนาการ มีกรดไขมันไม่อิ่มตัว เนื้อเยอะและแน่น หัวเล็ก โครงกระดูกเล็ก ก้างน้อย โตเร็ว ปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมได้ดี มีความต้านทานต่อโรคสัตว์น้ำต่างๆ ได้ดี ฯลฯ ทาง ซีพีเอฟ และ กรมประมง จึงส่งเสริมให้เกษตรกรเลี้ยงปลาทับทิมเป็นอาชีพ ตามโครงการ ส่งเสริมอาชีพการเลี้ยงปลาทับทิมในกระชัง เพื่อให้เกษตรกรไทยมีรายได้ในการประกอบอาชีพที่มั่นคงโดยไม่ต้องใช้เงินลงทุนมากมาย

เช่น นิกร สุขมารถ เกษตรกรเจ้าของฟาร์มปลาทับทิม "ทินกรฟาร์ม" ที่ ต.ท่ามะขาม อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ที่หันมาเลี้ยงปลาทับทิมเมื่อ ปี 2544 เริ่มจาก 8 กระชัง ด้วยเงินลงทุน 100,000 บาท ปัจจุบันขยายเป็น 260 กระชัง ผลิตปลาเนื้อออกสู่ตลาดได้เดือนละ 40 ตัน สร้างรายได้ประมาณ 150,000 บาทต่อเดือน

แต่กว่าจะประสบความสำเร็จอย่างทุกวันนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย ทินกรบอกว่า

" ช่วงต้นปี พ.ศ.2551 น้ำในแม่น้ำแม่กลองเริ่มมีเชื้อโรคในน้ำมากขึ้นส่งผลกระทบต่อปลา โดยเฉพาะลูกปลาที่อยู่ในช่วงอนุบาลปลา ซึ่งทำให้ปลาอ่อนแอและตายไปหลายกระชัง จึงแก้ปัญหาโดยซื้อที่ดินและขุดบ่อดินคลุมผ้าพลาสติคพีอี ทำให้สามารถควบคุมน้ำและควบคุมโรคได้ โดยจัดทำเป็นบ่ออนุบาลลูกปลา เลี้ยงลูกปลาทับทิมจากน้ำหนักเพียง 30 กรัม จนได้น้ำหนักประมาณ 100 กรัม จึงนำลงไปปล่อยในบ่อเลี้ยงในแม่น้ำต่อไป"

นอกจากนี้ทุกเดือนจะมี เจ้าหน้าที่ สัตวแพทย์ และนักวิชาการจากกรมประมง คอยมาให้บริการตรวจสอบคุณภาพน้ำ และให้คำปรึกษาการเลี้ยงปลาทับทิมในกระชัง

ที่สำคัญคือจะต้องเป็นคนช่างสังเกต ใส่ใจกับทุกรายละเอียดของงาน เมื่อเกิดปัญหาใดย่อมแก้ไขได้ทันท่วงที

ที่มา : หนังสือพิมพ์มติชน วันที่ 15 กรกฎาคม 2552
http://www.matichon.co.th/matichon/view_news.php?newsid=01pra02150752§ionid=0131&day=2009-07-15

ข่าวที่เกี่ยวข้อง
  • ทางเลือก-ทางรอดเกษตรกรรมไทยในปี 2553
  • มันสำปะหลังทุบสถิติส่งท้ายปี สูงเกินราคาประกันรัฐบาล คาดปีหน้ายังพุ่งขึ้นต่อเนื่อง
  • เตือนภัย เพลี้ยแป้งระบาดในมันสำปะหลัง
  • อียูลดค่าสีผสมอาหาร 3 ชนิด
  • สศก.เปิดเผยศึกษาลำไยนอกฤดู ยันเกษตรกรได้รับผลคุ้มค่า แนะตั้งกลุ่มส่งเสริมจริงจัง
  • โอกาสของเกษตรกรรายย่อยในการรับรองฟาร์มแบบกลุ่ม
  • มะนาวพันธุ์ 'แป้นดกพิเศษ' ดกกว่าพันธุ์แป้นรำไพ 2-3 เท่า
  • ศูนย์นวัตกรรมเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

    Postharvest Technology Innovation Center

    เทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว | ข่าวเกษตร | บทความ | ฐานข้อมูลงานวิจัย | วีดีโอ | Postharvest Technology