͢¢ԷҡѧPostharvest Technology Information NetworkPostharvest TechnologyɵҪԡ͢纺촡ɵҹŧҹԨ

แนะนำหน่วยงาน

  • หน้าหลัก
  • ประชาสัมพันธ์ศูนย์ฯ
  • ความเป็นมา
  • วัตถุประสงค์
  • โครงสร้างการบริหาร
  • คณะกรรมการอำนวยการ
  • คณะกรรมการบริหาร
  • ภาคีสถาบันอุดมศึกษาและวิจัย
  • ติดต่อศูนย์ ฯ

บริการต่าง ๆ

  • PHTNET E-Learning
  • Postharvest Newsletter
  • เครื่องมือวิทยาศาสตร์
  • ห้องปฏิบัติการ
  • รายชื่อผู้ประกอบการ
  • ฐานข้อมูลผู้เชี่ยวชาญ
  • หลักสูตรวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยว
  • รูปภาพความเสียหายหลังการเก็บเกี่ยว
  • มาตรฐานสินค้าเกษตร และระเบียบการส่งออก
  • ลิ้งค์ที่เกี่ยวข้อง

หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

  • สถาบันวิจัยเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว
  • กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
  • กรมส่งเสริมการเกตร
  • กรมวิชาการเกษตร
  • สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร
  • อุตุนิยมวิทยาเพื่อการเกษตร
  • สมาคมผู้ส่งข้าวออกต่างประเทศ
  • ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย
  • สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (สวก.)

หน้าแรก > ข่าวเกษตรประจำวัน

ปีนี้ผลไม้ไทยยังมีอนาคต เกษตรกรควรใส่ใจคุณภาพผลผลิต

เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 52

ปีนี้ผลไม้ไทยยังมีอนาคต เกษตรกรควรใส่ใจคุณภาพผลผลิต ผลไม้ไทยช่วงนี้ นับเป็นฤดูกาลผลไม้ เนื่องจากจะเห็นได้ว่ามีผลไม้ออกมาสู่ท้องตลาดเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็น เงาะ มังคุด ลิ้นจี่ ซึ่งล้วนแต่มีผลผลิตออกมามากกว่าปีที่แล้ว ส่งผลให้ราคาตกต่ำ เกษตรกรได้รับความเดือดร้อน ดังนั้น กระทรวงเกษตรฯ จึงต้องหาแนวทางในการแก้ไขอย่างเร่งด่วน

นายมณฑล เจียมเจริญ รองเลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ช่วงนี้เป็นฤดูกาลผลไม้ของประเทศไทย ผลไม้หลายชนิดก็ทยอยออกมาสู่ท้องตลาด หากเทียบราคากับปีที่แล้วถือว่าไม่ได้ตกต่ำกว่ามากนัก ผลไม้หลายชนิดราคาดี หลายชนิดราคาก็อาจจะต่ำกว่าในบางช่วง แต่รัฐบาลก็ได้เข้ามามีนโยบายในการรองรับทำให้ราคาอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจแล้ว

“สำหรับลิ้นจี่ปีนี้ผลผลิตออกมามากกว่าปีที่แล้ว จึงทำให้ราคาค่อนข้างต่ำ ส่วนลำไยคาดว่าปีนี้น่าจะมีประมาณ 540,000-550,000 หมื่นตัน ในขณะที่ปีที่แล้วมีประมาณ 400,000 กว่าตัน ซึ่งก็นับว่ามากกว่าปีที่แล้วเช่นกัน แต่อย่างไรก็ตาม ทางกระทรวงเกษตรฯ ได้เตรียมมาตรการในการดูแลในเรื่องของราคา โดยการจัดตั้งคณะกรรมการบริหารจัดการผลไม้ ซึ่งคณะกรรมการชุดนี้มีหน้าที่ในการระวังปัญหาของผลไม้ นอกจากนี้ ที่ผ่านมาได้มีการกำหนดนโยบายในเรื่องของลำไย ซึ่งคาดว่าลำไยที่จะออกมามากในช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคมนี้ ราคาก็จะตก ทางกระทรวงเกษตรฯจึงได้ทำเรื่องขอเงิน คชก. โดยปีนี้ก็ได้ประมาณ 600 ล้านบาท เพื่อนำมาใช้ในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว ส่วนเรื่องผลไม้ทางภาคตะวันออก อย่างเงาะ และมังคุด ตอนนี้ก็ได้เบาบางลงไปแล้ว เนื่องจากกระทรวงเกษตรฯ ได้ขอเงิน คชก.เข้าไปดูแล ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการประชาสัมพันธ์ การกระจายผลผลิต และการสนับสนุนในการส่งออก

ตั้งแต่เดือนมิถุนายน-กรกฎาคมนี้เป็นต้นไป ผลไม้ทางภาคใต้ ก็จะเริ่มทยอยออกมา ซึ่งทางกระทรวงเกษตรฯจะนำเงินที่ได้มาจาก คชก. ไปบริหารจัดการแก้ไขปัญหา ที่มีทั้งเงินจ่ายขาดและเงินทุนหมุนเวียน เพื่อที่จะบรรเทาและช่วยพยุงราคาสินค้าผลไม้เหล่านั้น ให้ราคาไม่ตกต่ำ ดังนั้นคาดว่าปีนี้เกษตรกรน่าจะพออยู่ได้

จากข้อมูลที่มีพบว่าในหลายภูมิภาคทั่วโลก ผลไม้ไทยยังสามารถที่จะแทรกตัวออกไปได้ดี แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับคุณภาพของสินค้าด้วย ดังนั้นถ้าเราสามารถกระจายผลผลิตได้โดยไม่ให้กระจุกอยู่ในฤดูกาลเท่านั้น ก็จะช่วยให้ไม่เกิดการล้นตลาดและราคาดี และที่สำคัญควรมีการคัดแยกเกรดด้วย

สำหรับเรื่องการโซนนิ่ง นายมณฑล เห็นว่า ถือเป็นนโยบายของรัฐบาลทุกยุคทุกสมัย และนับเป็นภารกิจหลักของกระทรวงเกษตรฯ แต่ก็ยอมรับว่าทำได้ยาก เนื่องจากมีปัจจัยหลายอย่างด้วยกัน เช่น จำเป็นต้องมีสิ่งจูงใจในการปลูก และต้องพยายามทำความเข้าใจกับเกษตรกรทั้ง ในเขตโซนนิ่งและนอกเขตโซนนิ่งเพื่อให้เข้าใจตรงกัน ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการจัดทำเป็นนิคมการเกษตรขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมทั่วประเทศ ประมาณ 7 แห่ง โดยมีนิคมข้าว นิคมข้าวโพด และนิคมมันสำปะหลัง เป็นต้น และจากการที่เกษตรกรหันไปปลูกพืชพลังงาน อย่างปาล์มน้ำมัน ยางพารา กันมากขึ้น ก็มีผลต่อผลไม้ที่ลดลงบ้าง แต่ก็ไม่มีผลเป็นนัยสำคัญมากนัก เพราะการเปลี่ยนแปลงทางด้านไม้ผลค่อนข้างที่จะยากเพราะต้องใช้เวลา และการลงทุน

“ในเรื่องของการผลิตไม้ผลนั้น มองว่าเราได้เปรียบและยังมีตลาดอีกมาก ไม่ว่าจะเป็น อินเดีย หรืออินโดนีเซีย ยังมีความต้องการบริโภคสินค้าของเราอยู่มาก แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เกษตรกรควรต้องใส่ใจเรื่องคุณภาพเป็นสำคัญ ถ้าคุณภาพดีตลาดยังไปได้อีกไกลทั้งภายในและนอกประเทศ” นายมณฑล กล่าว

จะเห็นได้ว่าผลไม้ไทยปีนี้ยังมีอนาคตไกล เพียงแต่เกษตรกรต้องใส่ใจและเน้นเรื่องคุณภาพเป็นสำคัญ จึงจะสามารถแข่งขันกับประเทศอื่น ๆ ได้.

ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ วันที่ 7 กรกฎาคม 2552
http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=346&contentID=6735

ข่าวที่เกี่ยวข้อง
  • ทางเลือก-ทางรอดเกษตรกรรมไทยในปี 2553
  • มันสำปะหลังทุบสถิติส่งท้ายปี สูงเกินราคาประกันรัฐบาล คาดปีหน้ายังพุ่งขึ้นต่อเนื่อง
  • เตือนภัย เพลี้ยแป้งระบาดในมันสำปะหลัง
  • อียูลดค่าสีผสมอาหาร 3 ชนิด
  • สศก.เปิดเผยศึกษาลำไยนอกฤดู ยันเกษตรกรได้รับผลคุ้มค่า แนะตั้งกลุ่มส่งเสริมจริงจัง
  • โอกาสของเกษตรกรรายย่อยในการรับรองฟาร์มแบบกลุ่ม
  • มะนาวพันธุ์ 'แป้นดกพิเศษ' ดกกว่าพันธุ์แป้นรำไพ 2-3 เท่า
  • ศูนย์นวัตกรรมเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

    Postharvest Technology Innovation Center

    เทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว | ข่าวเกษตร | บทความ | ฐานข้อมูลงานวิจัย | วีดีโอ | Postharvest Technology