͢¢ԷҡѧPostharvest Technology Information NetworkPostharvest TechnologyɵҪԡ͢纺촡ɵҹŧҹԨ

แนะนำหน่วยงาน

  • หน้าหลัก
  • ประชาสัมพันธ์ศูนย์ฯ
  • ความเป็นมา
  • วัตถุประสงค์
  • โครงสร้างการบริหาร
  • คณะกรรมการอำนวยการ
  • คณะกรรมการบริหาร
  • ภาคีสถาบันอุดมศึกษาและวิจัย
  • ติดต่อศูนย์ ฯ

บริการต่าง ๆ

  • PHTNET E-Learning
  • Postharvest Newsletter
  • เครื่องมือวิทยาศาสตร์
  • ห้องปฏิบัติการ
  • รายชื่อผู้ประกอบการ
  • ฐานข้อมูลผู้เชี่ยวชาญ
  • หลักสูตรวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยว
  • รูปภาพความเสียหายหลังการเก็บเกี่ยว
  • มาตรฐานสินค้าเกษตร และระเบียบการส่งออก
  • ลิ้งค์ที่เกี่ยวข้อง

หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

  • สถาบันวิจัยเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว
  • กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
  • กรมส่งเสริมการเกตร
  • กรมวิชาการเกษตร
  • สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร
  • อุตุนิยมวิทยาเพื่อการเกษตร
  • สมาคมผู้ส่งข้าวออกต่างประเทศ
  • ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย
  • สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (สวก.)

หน้าแรก > ข่าวเกษตรประจำวัน

ลดขั้นตอนขึ้นทะเบียน 'สารธรรมชาติกำจัดศัตรูพืช' เปิดทางให้เกษตรกรผลิตจำหน่ายทดแทนสารเคมี

เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 52

ลดขั้นตอนขึ้นทะเบียน 'สารธรรมชาติกำจัดศัตรูพืช' เปิดทางให้เกษตรกรผลิตจำหน่ายทดแทนสารเคมี จากสถิติการนำเข้าสารเคมีทางการเกษตรในปัจจุบันพบว่า ปริมาณการนำเข้าสารเคมีของไทย ในปี 2550 มีปริมาณ 67,895 ตัน คิดเป็นมูลค่า 15,026.32 ล้านบาท และปี 2551 มีปริมาณ 66,563 ตัน คิดเป็นมูลค่า 19,181.75 ล้านบาท ถือว่าอยู่ในระดับที่สูง ซึ่งหากไม่มีการควบคุมหรือเกษตรกรนำไปใช้อย่างไม่ถูกต้องจะเกิดความไม่ปลอดภัย ดังนั้นภาครัฐจึงมีนโยบายส่งเสริมและผลักดันให้เกษตรกรหันมาพึ่งพาธรรมชาติ เน้นการทำเกษตรอินทรีย์หรือแบบผสมผสาน เพื่อลดปริมาณการใช้สารเคมี คืนความสมดุลให้กับธรรมชาติ รวมทั้งช่วยลดต้นทุนการผลิต และเพิ่มรายได้ให้แก่เกษตรกร

นายวิชา ธิติประเสริฐ ผอ.สำนักงานควบคุมพืชและวัสดุการเกษตร กรมวิชาการเกษตร กล่าวว่า ที่ผ่านมาเกษตรกรจำนวนไม่น้อยก็มีการใช้ภูมิปัญญาในการนำพืชหรือสารที่มีอยู่ในธรรมชาติมาสกัดเป็นสารขับไล่หรือกำจัดแมลงศัตรูพืชอยู่แล้ว เช่น สะเดา ขมิ้นชัน โดยเป็นลักษณะผลิตเพื่อใช้เองไม่ได้มุ่งเน้นไปเพื่อการค้า แต่เมื่อยุคสมัยที่สารเคมีกำจัดศัตรูพืชมีราคาสูงขึ้นมาก ประกอบกับนโยบายภาครัฐที่มุ่งส่งเสริมให้เกษตรกรหันมาใช้สารธรรมชาติทดแทนสารเคมี จึงเป็นโอกาสของเกษตรกรที่จะเพิ่มมูลค่าและรายได้จากการจำหน่ายสารธรรมชาติเพื่อกำจัดศัตรูพืช

ตามพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2551 กำหนดให้สารธรรมชาติที่มีลักษณะการผลิตโดยการนำมาตากแห้ง แล้วนำมาสับ บดให้เป็นผง ให้ควบคุมเป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 2 จึงต้องมีการขึ้นทะเบียนวัตถุอันตราย ซึ่งต้องผ่านขั้นตอนการตรวจสอบวิเคราะห์ และต้องมีข้อมูลทางวิชาการรับรองว่ามีพิษมากน้อยเพียงไร ต่อคน สัตว์ แมลงและสิ่งแวดล้อม หลักเกณฑ์ต่าง ๆ เหล่านี้ค่อนข้างยุ่งยากและไม่สอดคล้องกับนโยบายที่จะกระตุ้นให้เกษตรกรหรือกลุ่มเกษตรกรหันมาผลิตสารธรรมชาติเพื่อจำหน่ายมากนัก ส่งผลให้ในปัจจุบันมีกลุ่มเกษตรกรมาขอขึ้นทะเบียนเพื่อขายอย่างถูกต้องเพียง 2-3 รายเท่านั้น

ดังนั้น กรมวิชาการเกษตรจึงลดระดับการควบคุมผลิตภัณฑ์สารธรรมชาติกำจัดศัตรูพืชเพื่อขายจากที่เคยจัดเป็นชนิดที่ 2 ให้ลดลงมาเป็นชนิดที่ 1 ซึ่งจัดเป็นวัตถุที่มีอันตรายน้อยหรือไม่มีอันตรายเลย แต่มันมีอันตรายหรือเป็นพิษต่อพืชหรือแมลงที่ไม่ต้องการ โดยกำหนดให้ผู้ผลิตเพื่อจำหน่ายต้องแจ้งข้อมูลต่อกรมวิชาการเกษตรเท่านั้น ไม่ต้องทำการวิเคราะห์ผลิตภัณฑ์ ไม่ต้องทดสอบประสิทธิภาพ และไม่ต้องประเมินความเป็นพิษ เหมือนวัตถุอันตรายชนิดที่ 2 ซึ่งเป็นเกณฑ์ขั้นต่ำสุดในการควบคุมวัตถุอันตราย ตามพระราชบัญญัติดังกล่าว

“การลดขั้นตอนต่าง ๆ เหล่านี้ เพื่อลดภาระของเกษตรกร กลุ่มเกษตรกร กลุ่มสหกรณ์ และผู้ประกอบการรายย่อย ซึ่งต้องการผลิตสารธรรมชาติจากพืชสำหรับป้องกันกำจัดศัตรูพืชเพื่อจำหน่าย ให้สามารถปฏิบัติตามกฎหมายได้ เป็นการเปิดโอกาสให้เกษตรกร กลุ่มเกษตรกร สามารถใช้ภูมิปัญญาชาวบ้านในการใช้พืชพรรณธรรมชาติใกล้ตัวให้เป็นประโยชน์ ลดต้นทุนการผลิต ไม่มีผลตกค้างหรือมีน้อย และสลายตัวได้ในระยะเวลาอันสั้น อย่างไรก็ดี การขึ้นทะเบียนสารธรรมชาติเพื่อกำจัดศัตรูพืชยังเป็นข้อมูลเบื้องต้นให้เกษตรกร ผู้ใช้ได้มีแหล่งรับรองที่น่าเชื่อถือมากขึ้น เวลามีปัญหาจะได้ทราบถึงที่มาที่ไป เป็นการลดความเสี่ยงต่อผู้ใช้ได้ระดับหนึ่ง” ผอ.วิชา กล่าว

นี่เป็นอีกช่องทางหนึ่งของเกษตรกรที่จะสร้างรายได้เสริมนอกจากการขายผลผลิตทางการเกษตรแต่อย่างเดียว เมื่อภาครัฐเขาเปิดช่องทางให้ขนาดนี้ใครมีดีก็แสดงออกมาให้เต็มที่ แต่สำหรับเกษตรกรคนใดที่ทำสารสกัดจากธรรมชาติเพื่อกำจัดศัตรูพืชไว้ใช้เอง ก็ไม่ต้องกังวลยังสามารถดำเนินการได้ตามปกติ ไม่ต้องมาขออนุญาตขึ้นทะเบียนจากกรมวิชาการแต่อย่างใด.

ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ วันที่ 29 มิถุนายน 2552
http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=344&contentID=5530

ข่าวที่เกี่ยวข้อง
  • ทางเลือก-ทางรอดเกษตรกรรมไทยในปี 2553
  • มันสำปะหลังทุบสถิติส่งท้ายปี สูงเกินราคาประกันรัฐบาล คาดปีหน้ายังพุ่งขึ้นต่อเนื่อง
  • เตือนภัย เพลี้ยแป้งระบาดในมันสำปะหลัง
  • อียูลดค่าสีผสมอาหาร 3 ชนิด
  • สศก.เปิดเผยศึกษาลำไยนอกฤดู ยันเกษตรกรได้รับผลคุ้มค่า แนะตั้งกลุ่มส่งเสริมจริงจัง
  • โอกาสของเกษตรกรรายย่อยในการรับรองฟาร์มแบบกลุ่ม
  • มะนาวพันธุ์ 'แป้นดกพิเศษ' ดกกว่าพันธุ์แป้นรำไพ 2-3 เท่า
  • ศูนย์นวัตกรรมเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

    Postharvest Technology Innovation Center

    เทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว | ข่าวเกษตร | บทความ | ฐานข้อมูลงานวิจัย | วีดีโอ | Postharvest Technology