͢¢ԷҡѧPostharvest Technology Information NetworkPostharvest TechnologyɵҪԡ͢纺촡ɵҹŧҹԨ

แนะนำหน่วยงาน

  • หน้าหลัก
  • ประชาสัมพันธ์ศูนย์ฯ
  • ความเป็นมา
  • วัตถุประสงค์
  • โครงสร้างการบริหาร
  • คณะกรรมการอำนวยการ
  • คณะกรรมการบริหาร
  • ภาคีสถาบันอุดมศึกษาและวิจัย
  • ติดต่อศูนย์ ฯ

บริการต่าง ๆ

  • PHTNET E-Learning
  • Postharvest Newsletter
  • เครื่องมือวิทยาศาสตร์
  • ห้องปฏิบัติการ
  • รายชื่อผู้ประกอบการ
  • ฐานข้อมูลผู้เชี่ยวชาญ
  • หลักสูตรวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยว
  • รูปภาพความเสียหายหลังการเก็บเกี่ยว
  • มาตรฐานสินค้าเกษตร และระเบียบการส่งออก
  • ลิ้งค์ที่เกี่ยวข้อง

หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

  • สถาบันวิจัยเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว
  • กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
  • กรมส่งเสริมการเกตร
  • กรมวิชาการเกษตร
  • สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร
  • อุตุนิยมวิทยาเพื่อการเกษตร
  • สมาคมผู้ส่งข้าวออกต่างประเทศ
  • ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย
  • สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (สวก.)

หน้าแรก > ข่าวเกษตรประจำวัน

ฟาร์มหมูสร้างอาชีพ ที่บ่อพลอย กาญจนบุรี

เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 52

ฟาร์มหมูสร้างอาชีพ ที่บ่อพลอย กาญจนบุรี

ปัญหา หนึ่งที่มักจะเกิดในสังคมไทยต่อเนื่องมาถึงปัจจุบัน คือปัญหาที่คนในพื้นที่ทิ้งถิ่นฐานไปหางานทำในเมืองใหญ่ โดยเหตุผลที่ยกมากล่าวอ้างถึงการโยกย้ายไปทำอาชีพนอกพื้นที่ คือ "อยู่บ้านก็อดตายไม่มีอะไรกิน.."

จาก จุดเริ่มต้นของปัญหานี้ บริษัทเจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ นำมาเป็นโจทย์ใหญ่ ในการหาทางแก้ไขนำพาชาวบ้านไปสู่การอยู่ดีกินดี และมี "อาชีพ" ที่มั่นคงในพื้นที่หรือหมู่บ้านของตน โดยไม่ต้องออกเดินทางไปทำงานในต่างถิ่น สามารถทำงานได้ที่บ้านบนที่ดินของตนเอง เป็นอีกแนวทางหนึ่งที่เกิดผลพลอยได้ให้คนรักพื้นที่บ้านเกิด

โครงการ ที่ซีพีเอฟ นำมาดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหานี้มีชื่อว่า โครงการส่งเสริมอาชีพเกษตรกร เป็นการส่งเสริมอาชีพและสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรให้อยู่ได้อย่างยั่งยืน ซึ่งมีวิธีการดำเนินการ 2 รูปแบบ คือ การประกันราคาพืชผลหรือสัตว์เลี้ยง และการส่งเสริมการเลี้ยงสัตว์ โดยเน้นไปที่ไก่ ปลา และสุกร

ที่ ตำบลบ่อพลอย อ.บ่อพลอย จ.กาญจนบุรี เป็นอีกพื้นที่หนึ่งที่ทางซีพีเอฟใช้ในการทดลองโครงการ โดยเข้าไปส่งเสริมให้เกษตรกรมีอาชีพสร้างรายได้ด้วยการเลี้ยงสุกร

ทรง ศักดิ์ ฟูตระกูล รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายธุรกิจครบวงจรภูมิภาค ซีพีเอฟ บอกเล่าถึงวิธีการคัดเลือกเกษตรกรเพื่อเข้าร่วมในโครงการว่า เริ่มจากการคัดเลือกเกษตรกรในแต่ละจังหวัด ว่าใครมีความเหมาะสม

โรงเรือนภายในฟาร์ม

วิธีการ คือให้เกษตรกรเป็นผู้เขียนโครงการของตนเองแล้วส่งมาให้ซีพีเอฟพิจารณา โดยมีเงื่อนไขว่าเกษตรที่จะเข้าร่วมโครงการได้จะต้องมีหลักทรัพย์ และที่ดินที่จะใช้ในโครงการ

"จากนั้นทางเราจะพิจารณาดูว่าที่ดินของเกษตรกรมีความเหมาะสมหรือไม่ แล้วช่วยติดต่อกับสถาบันทางการเงินให้ออกเงินกู้ให้ในการทำ

โครงการ แต่คนสุดท้ายที่ตัดสินใจคือธนาคารนั่นเอง เพราะจะต้องเป็นคนกำหนดว่าเกษตรจะต้องจ่ายเงินคืนในระยะเวลาเท่าไหร่ อย่างไร"

ทรง ศักดิ์บอกว่า เมื่อโครงการผ่านการพิจารณาของธนาคารแล้ว ทางซีพีเอฟจะเป็นผู้จัดหาพันธุ์สัตว์ อาหารสัตว์ ยา และวัคซีน ที่มีคุณภาพสูงให้กับเกษตรกร ส่วนตัวของเกษตรกรเองนั้น ซีพีเอฟจะถ่ายทอดความรู้และเทคโนโลยีต่างๆ ให้ โดยผ่านทางศูนย์การเรียนรู้ ที่เรียนรู้ผ่าน "ของจริง" มีเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญเป็นผู้ให้คำปรึกษา และเมื่อชำนาญจนสามารถทำเองได้แล้ว เกษตรกรที่ผ่านการเรียนรู้นี้ก็จะไปทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงสอนเกษตรกรคน อื่นๆ ต่อไป

"ไม่เฉพาะแค่ที่กล่าวมาเท่านั้น ซีพีเอฟยังทำหน้าที่จัดหาสัตวบาล มาคอยดูแลและให้คำแนะนำในการเลี้ยงดูสัตว์แก่เกษตรกรเจ้าของโครงการอย่าง ใกล้ชิด โดยเฉพาะการให้คำแนะนำเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อเกษตรกรได้เรียนรู้อย่างถูกต้องสามารถนำไปปฏิบัติได้เอง รวมไปถึงเรื่องการตลาด ซีพีเอฟก็จะดูแลรับผิดชอบให้ด้วย" ทรงศักดิ์บอก

สำหรับที่ ต.บ่อพลอย จ.กาญจนบุรีแห่งนี้ กฤษฎา คุณากรประพันธ์ วัย 29 ปี เป็นเกษตรกรที่ผ่านการคัดเลือกได้เข้าร่วมโครงการของซีพีเอฟ

กฤษฎาเป็นเกษตรกรรุ่นใหม่ไฟแรง มีคุณสมบัติตรงตามเงื่อนไขของซีพีเอฟ และตัดสินใจทำอาชีพ "ฟาร์มหมู" เพื่อสร้างความมั่นคงในชีวิต

" จุดเริ่มต้นที่ผมอยากทำฟาร์มหมูเกิดขึ้นหลังจากเรียนจบคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีปทุม แล้วมีโอกาสไปเยี่ยมญาติที่ทำฟาร์มหมูใน จ.นครปฐม ผมสนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมจากญาติ แล้วคิดว่าอาชีพนี้น่าจะเป็นธุรกิจที่มีรายได้มั่นคงและคุ้มค่ากับการลงทุน เมื่อตัดสินใจว่าผมจะทำอาชีพนี้แหละเพราะอยากกลับมาอยู่บ้านและอยากจะทำงาน ที่เป็นของตัวเอง ก็ปรึกษากับพ่อแม่ ท่านเห็นดีด้วย จึงลงมือทำโครงการทันที"

กฤษฎาบอกว่า เริ่มแรกใช้เงินทุนส่วนตัว 40% และซีพีเอฟช่วยติดต่อกู้จากธนาคาร 60% เป็นเงินทั้งหมด 13 ล้านบาท จากนั้นลงมือปลูกสร้างโรงเรือนหลังแรกเลี้ยงหมู 500 ตัวก่อน มีซีพีเอฟเข้ามาให้คำปรึกษาและช่วยเหลือตลอด กระทั่งหมูรุ่นแรกสามารถขายทำรายได้อย่างงาม

"พอเลี้ยงหมูได้ประมาณ 2 รุ่น ก็คิดว่าธุรกิจนี้น่าจะไปได้มากกว่านี้ ผมจึงวางแผนผังระบบฟาร์มและมีระบบไบโอแก๊สเข้ามาช่วยด้วย ตอนนี้เริ่มชำนาญมากขึ้นแล้ว ดังนั้น โรงเรือนหลังที่ 2 และ 3 จึงมีการนำของเสียหรือมูลหมู มาผลิตไบโอแก๊สนำไปใช้ปั่นไฟเป็นการประหยัดต้นทุนไปได้มาก และยังได้กำไรเพิ่มมากขึ้น จึงสร้างโรงเรือนหลังที่ 4-5 ตามลำดับ ถึงปัจจุบันเลี้ยงหมูถึง 3,100 ตัว บนพื้นที่ฟาร์ม 25 ไร่" เสียงเล่าอย่างภาคภูมิใจ และว่า รายได้จากการเลี้ยงหมูนั้น เมื่อหักค่าใช้จ่ายแล้วจะได้กำไรปีละประมาณ 1 ล้านบาท

ทุกวันนี้ "กฤษฎา" ไม่ต้องโยกย้ายไปทำงานในเมืองใหญ่ ไม่ต้องไปเป็นลูกจ้างใคร ตรงกันข้ามเขามีธุรกิจเป็นของตนเอง โดยเป็นเจ้าของฟาร์มหมูชื่อ "บ่อพลอย" และทำงานเป็นนายตัวเองอย่างสบายใจ

สิ่งที่กฤษฎาได้เรียนรู้นั้นเขา ได้นำมาถ่ายทอดเป็นความรู้และประสบการณ์เพื่อบอกเล่าและสอนเกษตรกรรุ่นน้อง ต่อๆ กันไป เป็นการสร้างรายได้ที่ยั่งยืนและมั่นคง

ที่มา : หนังสือพิมพ์มติชน วันที่ 25 มิถุนายน 2552
http://www.matichon.co.th/matichon/view_news.php?newsid=01pra02250652§ionid=0131&day=2009-06-25

ข่าวที่เกี่ยวข้อง
  • ทางเลือก-ทางรอดเกษตรกรรมไทยในปี 2553
  • มันสำปะหลังทุบสถิติส่งท้ายปี สูงเกินราคาประกันรัฐบาล คาดปีหน้ายังพุ่งขึ้นต่อเนื่อง
  • เตือนภัย เพลี้ยแป้งระบาดในมันสำปะหลัง
  • อียูลดค่าสีผสมอาหาร 3 ชนิด
  • สศก.เปิดเผยศึกษาลำไยนอกฤดู ยันเกษตรกรได้รับผลคุ้มค่า แนะตั้งกลุ่มส่งเสริมจริงจัง
  • โอกาสของเกษตรกรรายย่อยในการรับรองฟาร์มแบบกลุ่ม
  • มะนาวพันธุ์ 'แป้นดกพิเศษ' ดกกว่าพันธุ์แป้นรำไพ 2-3 เท่า
  • ศูนย์นวัตกรรมเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

    Postharvest Technology Innovation Center

    เทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว | ข่าวเกษตร | บทความ | ฐานข้อมูลงานวิจัย | วีดีโอ | Postharvest Technology