͢¢ԷҡѧPostharvest Technology Information NetworkPostharvest TechnologyɵҪԡ͢纺촡ɵҹŧҹԨ

แนะนำหน่วยงาน

  • หน้าหลัก
  • ประชาสัมพันธ์ศูนย์ฯ
  • ความเป็นมา
  • วัตถุประสงค์
  • โครงสร้างการบริหาร
  • คณะกรรมการอำนวยการ
  • คณะกรรมการบริหาร
  • ภาคีสถาบันอุดมศึกษาและวิจัย
  • ติดต่อศูนย์ ฯ

บริการต่าง ๆ

  • PHTNET E-Learning
  • Postharvest Newsletter
  • เครื่องมือวิทยาศาสตร์
  • ห้องปฏิบัติการ
  • รายชื่อผู้ประกอบการ
  • ฐานข้อมูลผู้เชี่ยวชาญ
  • หลักสูตรวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยว
  • รูปภาพความเสียหายหลังการเก็บเกี่ยว
  • มาตรฐานสินค้าเกษตร และระเบียบการส่งออก
  • ลิ้งค์ที่เกี่ยวข้อง

หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

  • สถาบันวิจัยเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว
  • กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
  • กรมส่งเสริมการเกตร
  • กรมวิชาการเกษตร
  • สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร
  • อุตุนิยมวิทยาเพื่อการเกษตร
  • สมาคมผู้ส่งข้าวออกต่างประเทศ
  • ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย
  • สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (สวก.)

หน้าแรก > ข่าวเกษตรประจำวัน

ซีพีฟุ้งยอดจองกล้ายาง พันธุ์ JVP80 ทะลุ 3 แสนต้น/ยันผลิตตามหลักวิชาการทุกขั้นตอน

เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 52

ซีพีฟุ้งยอดจองกล้ายาง พันธุ์ JVP80 ทะลุ 3 แสนต้น/ยันผลิตตามหลักวิชาการทุกขั้นตอน

นายมนตรี คงตระกูลเทียน ประธานคณะผู้บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ร่วม กลุ่มธุรกิจพืชครบวงจร เครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) เปิดเผยว่า หลังจากจบโครงการยาง 1 ล้านไร่แล้ว บริษัทฯยังคงดำเนินการผลิตกล้ายางชำถุง และพัฒนานวัตกรรมใหม่ที่เกี่ยวข้องเพื่อพัฒนาคุณภาพน้ำยางดิบ เนื่องจากเชื่อว่ายางพาราเป็นพืชเศรษฐกิจที่มีศักยภาพ โดยในปี 2552 บริษัทฯได้ทำการผลิตกล้ายางพันธุ์ JVP80 จำนวน 400,000 ต้น ซึ่งขณะนี้มียอดการสั่งจองจากเกษตรกรประมาณ 300,000 ต้น โดยเกษตรกรส่วนใหญ่จะนำไปปลูกในพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ทั้งนี้กล้ายางพันธุ์ JVP80 ทั้งหมด บริษัทฯได้ควบคุมคุณภาพการผลิตในทุกขั้นตอนตามหลักวิชาการเช่นเดียวกับกล้า ยางในโครงการยาง 1 ล้านไร่ โดยเริ่มจากการส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบการผลิตตอตาเขียวในแปลงของเกษตรกรที่รับจ้างผลิต จะต้องมีอัตราการรอดไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 จากนั้นบริษัทจะนำมาผลิตเป็นยางชำถุงตามเกณฑ์ที่กรมวิชาการเกษตรกำหนด ซึ่งผลการตรวจสอบกล้ายางพันธุ์ JVP80 ที่ส่งมอบให้กับเกษตรกรเมื่อปี 2551 พบว่า มีอัตราการรอดสูงกว่าร้อยละ 90 และเกษตรกรส่วนใหญ่พอใจกับกล้ายางที่ได้รับไปเนื่องจากมีอัตราการเจริญเติบโตดี อีกทั้งบริษัทฯยังส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปให้คำแนะนำอย่างต่อเนื่องทั้งการใส่ปุ๋ย และการปลูกพืชแซมระหว่างแปลงสวนยาง เช่น มันสำปะหลัง ข้าวโพดและ พริก เพื่อสร้างรายได้เสริม

นายมนตรี กล่าวเพิ่มเติมว่า เพื่อเตรียมรับสถานการณ์ผลผลิตจากโครงการยาง 1 ล้านไร่จำนวน 25,000 ตันที่จะออกสู่ตลาดในปี 2553 บริษัทฯอยู่ระหว่างเร่งดำเนินการพัฒนาเครื่องกรีดยางระบบปิด ซึ่งนอกจากจะช่วยให้เกษตรกรสามารถกรีดน้ำยางได้เร็วขึ้นและมีปริมาณน้ำยาง เพิ่มมากขึ้นแล้ว ยังทำให้ได้น้ำยางดิบที่มีคุณภาพและไม่มีปัญหาเรื่องสิ่งเจือปนเหมือนที่ผ่านมาด้วย

ที่มา : หนังสือพิมพ์แนวหน้า วันที่ 27 พฤษภาคม 2552
http://www.naewna.com/news.asp?ID=163159

ข่าวที่เกี่ยวข้อง
  • ทางเลือก-ทางรอดเกษตรกรรมไทยในปี 2553
  • มันสำปะหลังทุบสถิติส่งท้ายปี สูงเกินราคาประกันรัฐบาล คาดปีหน้ายังพุ่งขึ้นต่อเนื่อง
  • เตือนภัย เพลี้ยแป้งระบาดในมันสำปะหลัง
  • อียูลดค่าสีผสมอาหาร 3 ชนิด
  • สศก.เปิดเผยศึกษาลำไยนอกฤดู ยันเกษตรกรได้รับผลคุ้มค่า แนะตั้งกลุ่มส่งเสริมจริงจัง
  • โอกาสของเกษตรกรรายย่อยในการรับรองฟาร์มแบบกลุ่ม
  • มะนาวพันธุ์ 'แป้นดกพิเศษ' ดกกว่าพันธุ์แป้นรำไพ 2-3 เท่า
  • ศูนย์นวัตกรรมเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

    Postharvest Technology Innovation Center

    เทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว | ข่าวเกษตร | บทความ | ฐานข้อมูลงานวิจัย | วีดีโอ | Postharvest Technology