͢¢ԷҡѧPostharvest Technology Information NetworkPostharvest TechnologyɵҪԡ͢纺촡ɵҹŧҹԨ

แนะนำหน่วยงาน

  • หน้าหลัก
  • ประชาสัมพันธ์ศูนย์ฯ
  • ความเป็นมา
  • วัตถุประสงค์
  • โครงสร้างการบริหาร
  • คณะกรรมการอำนวยการ
  • คณะกรรมการบริหาร
  • ภาคีสถาบันอุดมศึกษาและวิจัย
  • ติดต่อศูนย์ ฯ

บริการต่าง ๆ

  • PHTNET E-Learning
  • Postharvest Newsletter
  • เครื่องมือวิทยาศาสตร์
  • ห้องปฏิบัติการ
  • รายชื่อผู้ประกอบการ
  • ฐานข้อมูลผู้เชี่ยวชาญ
  • หลักสูตรวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยว
  • รูปภาพความเสียหายหลังการเก็บเกี่ยว
  • มาตรฐานสินค้าเกษตร และระเบียบการส่งออก
  • ลิ้งค์ที่เกี่ยวข้อง

หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

  • สถาบันวิจัยเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว
  • กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
  • กรมส่งเสริมการเกตร
  • กรมวิชาการเกษตร
  • สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร
  • อุตุนิยมวิทยาเพื่อการเกษตร
  • สมาคมผู้ส่งข้าวออกต่างประเทศ
  • ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย
  • สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (สวก.)

หน้าแรก > ข่าวเกษตรประจำวัน

สศก.ชู 5 พืชเศรษฐกิจอนาคตใส ข้าว-มัน-ยาง-ปาล์ม-อ้อย ช่วยพาชาติรอดพ้นวิกฤต

เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 52

สศก.ชู 5 พืชเศรษฐกิจอนาคตใส ข้าว-มัน-ยาง-ปาล์ม-อ้อย ช่วยพาชาติรอดพ้นวิกฤต

นายอภิชาต จงสกุล เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เปิดเผยว่า แม้ภาวะเศรษฐกิจโลกตกต่ำจะส่งผลกระทบต่อภาคเกษตรไทยบ้าง แต่ยังเชื่อว่าภาคการเกษตรจะเป็นเสาหลักในการช่วยฟื้นเศรษฐกิจประเทศได้ และจากการวิเคราะห์สถานการณ์พืชเศรษฐกิจไทยที่มีอนาคตสดใสในปีนี้มีอยู่ 5 ชนิด ได้แก่ ข้าว มันสำปะหลัง ยางพารา ปาล์มน้ำมัน และอ้อย

โดยพื้นที่เพาะปลูกข้าวในไทยมีอยู่ 57 ล้านไร่ ผลผลิตรวม 23.3 ล้านตันข้าวเปลือก เฉลี่ยผลผลิตต่อไร่ 406 กก. อย่างไรก็ตาม ปริมาณส่งออกคาดว่าจะอยู่ที่ 8.5-9.5 ล้านตันข้าวสาร เนื่องจากประเทศคู่แข่ง ไม่ว่าจะเป็นประเทศเวียดนาม อินเดีย และจีน มีการฟื้นตัวจากภัยธรรมชาติ ซึ่งจะส่งผลให้ราคาจำหน่ายไม่สูงมากเหมือนปี 2551 แต่ยังคงอยู่ในเกณฑ์ที่สูงอยู่ ทั้งนี้ ภาครัฐควรจะผลักดันในการเปิดตลาดใหม่เพื่อเพิ่มช่องทางการส่งออก โดยเฉพาะตลาดแอฟริกาที่มีความต้องการสูง

ส่วนมันสำปะหลังมีการเพิ่มพื้นที่ปลูกจากปี 2551 ที่ 7.4 ล้านไร่ เป็น 8.2 ล้านไร่ ผลผลิตจาก 25.16 ล้านตัน คาดว่าจะสูงถึง 29.80 ล้านตัน แต่จากสถานการณ์เพลี้ยแป้งระบาดทำลายผลผลิตไปจำนวนมาก ดังนั้นอาจต้องปรับตัวเลขลงจากที่คาดการณ์ไว้เบื้องต้น เนื่องจากคาดว่าจะผลผลิตเสียหายไปไม่ต่ำกว่า 2 ล้านตัน ซึ่งจากเหตุการณ์นี้จะส่งผลให้มันสำปะหลังหายไปจากระบบจำนวนมาก ทำให้ราคามันสำปะหลังจะพุ่งสูงขึ้นแน่นอน

ส่วนยางพาราที่ผ่านมาส่งออกปีละกว่า 2 แสนล้านบาท ตลาดใหญ่ๆ คือ จีน ญี่ปุ่น และสหรัฐอเมริกา แต่ภาวะเศรษฐกิจของโลกไม่เอื้ออำนวย จึงจำเป็นต้องรักษาตลาดเดิมไว้ให้ได้ นอกจากนี้ ยังต้องมีการวางแผนในการจัดเก็บสต็อกยางพาราไว้ เมื่อเศรษฐกิจดีขึ้นเราก็จะผลักดันเรื่องการส่งออกต่อไป เช่นเดียวกับปาล์มน้ำมันที่มีการขยายการผลิตเพิ่ม โดยขณะนี้ผลผลิตเริ่มออกแล้ว คาดว่าผลผลิตจะเข้าสู่ระบบเพิ่มมากขึ้น ซึ่งความต้องการใช้ในเรื่องของอาหารค่อนข้างคงที่ แต่การนำไปผลิตไบโอดีเซลยังไม่ค่อยแน่นอน จึงจำเป็นต้องรักษาสมดุลตรงนี้ไว้เพื่อให้ราคาของปาล์มน้ำมันคงที่ สำหรับอ้อยปีนี้มีราคาดีมาก เนื่องจากพื้นที่ปลูกอ้อยน้อยลง ไม่เพียงพอกับความต้องการ ทั้งนี้ คาดว่าประมาณกลางปี 2553 อ้อยจะยิ่งราคาสูงขึ้น ดังนั้นจึงเชื่อว่าอ้อยเป็นพืชที่มีอนาคตไกล

ที่มา : หนังสือพิมพ์แนวหน้า วันที่ 19 พฤษภาคม 2552
http://www.naewna.com/news.asp?ID=161998

ข่าวที่เกี่ยวข้อง
  • ทางเลือก-ทางรอดเกษตรกรรมไทยในปี 2553
  • มันสำปะหลังทุบสถิติส่งท้ายปี สูงเกินราคาประกันรัฐบาล คาดปีหน้ายังพุ่งขึ้นต่อเนื่อง
  • เตือนภัย เพลี้ยแป้งระบาดในมันสำปะหลัง
  • อียูลดค่าสีผสมอาหาร 3 ชนิด
  • สศก.เปิดเผยศึกษาลำไยนอกฤดู ยันเกษตรกรได้รับผลคุ้มค่า แนะตั้งกลุ่มส่งเสริมจริงจัง
  • โอกาสของเกษตรกรรายย่อยในการรับรองฟาร์มแบบกลุ่ม
  • มะนาวพันธุ์ 'แป้นดกพิเศษ' ดกกว่าพันธุ์แป้นรำไพ 2-3 เท่า
  • ศูนย์นวัตกรรมเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

    Postharvest Technology Innovation Center

    เทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว | ข่าวเกษตร | บทความ | ฐานข้อมูลงานวิจัย | วีดีโอ | Postharvest Technology