͢¢ԷҡѧPostharvest Technology Information NetworkPostharvest TechnologyɵҪԡ͢纺촡ɵҹŧҹԨ

แนะนำหน่วยงาน

  • หน้าหลัก
  • ประชาสัมพันธ์ศูนย์ฯ
  • ความเป็นมา
  • วัตถุประสงค์
  • โครงสร้างการบริหาร
  • คณะกรรมการอำนวยการ
  • คณะกรรมการบริหาร
  • ภาคีสถาบันอุดมศึกษาและวิจัย
  • ติดต่อศูนย์ ฯ

บริการต่าง ๆ

  • PHTNET E-Learning
  • Postharvest Newsletter
  • เครื่องมือวิทยาศาสตร์
  • ห้องปฏิบัติการ
  • รายชื่อผู้ประกอบการ
  • ฐานข้อมูลผู้เชี่ยวชาญ
  • หลักสูตรวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยว
  • รูปภาพความเสียหายหลังการเก็บเกี่ยว
  • มาตรฐานสินค้าเกษตร และระเบียบการส่งออก
  • ลิ้งค์ที่เกี่ยวข้อง

หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

  • สถาบันวิจัยเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว
  • กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
  • กรมส่งเสริมการเกตร
  • กรมวิชาการเกษตร
  • สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร
  • อุตุนิยมวิทยาเพื่อการเกษตร
  • สมาคมผู้ส่งข้าวออกต่างประเทศ
  • ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย
  • สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (สวก.)

หน้าแรก > ข่าวเกษตรประจำวัน

แนะสวนยางใหม่ใต้ปลูกพืช 4 ชนิด เกษตรฯการันตีให้ผลตอบแทนคุ้ม

เมื่อวันที่ 5 มกราคม 52

แนะสวนยางใหม่ใต้ปลูกพืช 4 ชนิด เกษตรฯการันตีให้ผลตอบแทนคุ้ม นายไพโรจน์ สุวรรณจินดา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 8 จังหวัดสงขลา กรมวิชาการเกษตร เผยว่า กรมวิชาการเกษตรได้เร่งถ่ายทอดเทคโนโลยีการปลูกพืชอายุสั้น ในสวนยางพาราใหม่ในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ คือ สงขลา สตูล นราธิวาส ปัตตานี และยะลา เนื่องจากต้นยางพาราที่ปลูกใหม่จะต้องใช้เวลาประมาณ 4-5 ปีจึงจะกรีดน้ำยางได้ เกษตรกรจำเป็นจะต้องมีรายได้จากพืชชนิดอื่นที่ปลูกเสริมทดแทน ซึ่งจากการศึกษาพบว่า มีพืช 4 ชนิด คือ สับปะรด ถั่วลิสง ถั่วหรัง และข้าวโพดหวานลูกผสม ที่เป็นพืชที่มีศักยภาพในการปลูก โดยให้ผลผลิตสูง และไม่ต้องดูแลรักษามากนัก

ทั้งนี้ในส่วนของสับปะรดมีอายุเก็บเกี่ยวประมาณ 1 ปี ให้ผลผลิต 4-6 ตันต่อไร่ สามารถขายได้ราคากิโลกรัมละ 8 บาท จะทำให้เกษตรกรมีรายได้ถึง 32,000-48,000 บาทต่อไร่ ซึ่งขณะนี้มาเลเซียมีความต้องการสับปะรดผลสดมาก

สำหรับถั่งลิสง เป็นพืชที่นิยมบริโภคมากในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่าง มีอายุเก็บเกี่ยว 120-150 วัน สามารถปลูกได้ปีละ 2-3 ครั้ง ให้ผลผลิต 400-600 กิโลกรัมต่อไร่ จำหน่ายได้ราคาประมาณ 20 บาทต่อกิโลกรัม ทำให้เกษตรกรมีรายได้ 8,000-12,000 บาทต่อไร่ต่อครั้ง

ส่วนถั่วหรั่งหรือถั่วปันหยี ซึ่งเป็นพืชพื้นเมืองที่นิยมบริโภคในภาคใต้ กรมวิชาการเกษตรมีถั่วหรั่งพันธุ์ดี คือพันธุ์สงขลา1 ที่จะนำไปส่งเสริมให้เกษตรกรปลูก จะให้ผลผลิตสูง 600 กิโลกรัมต่อไร่ อายุการเก็บเกี่ยวเพียง 120 วัน และกำลังปรับปรุงพันธุ์ให้มีอายุเก็บเกี่ยวเหลือเพียง 85 วัน ซึ่งจะทำให้เกษตรกรปลูกได้ปีละ 3-4 ครั้ง จำหน่ายได้ในราคา 14-15 บาทต่อกิโลกรัม เกษตรกรจะมีรายได้ไม่น้อยกว่า 8,400 บาทต่อไร่ต่อครั้ง

สำหรับข้าวโพดหวานลูกผสม หากปลูกในพื้นที่สวนยางแล้วจะให้ผลผลิตประมาณ 2,400 กิโลกรัมต่อไร่ มีอายุการเก็บเกี่ยว 75 วัน จำหน่ายได้ในราคา 6-10 บาทต่อกิโลกรัม จะทำให้เกษตรกรมีรายได้ประมาณ 14,400-24,000 บาทต่อไร่ ซึ่งกรมวิชาการเกษตรมีข้าวโพดหวานลูกผสมพันธุ์ดีและเทคโนโลยีการผลิตที่พร้อมจะถ่ายทอดให้กับเกษตรกรที่สนใจเช่นกัน

ที่มา : หนังสือพิมพ์แนวหน้า วันที่ 5 มกราคม 2552
http://www.naewna.com/news.asp?ID=141429

ข่าวที่เกี่ยวข้อง
  • ทางเลือก-ทางรอดเกษตรกรรมไทยในปี 2553
  • มันสำปะหลังทุบสถิติส่งท้ายปี สูงเกินราคาประกันรัฐบาล คาดปีหน้ายังพุ่งขึ้นต่อเนื่อง
  • เตือนภัย เพลี้ยแป้งระบาดในมันสำปะหลัง
  • อียูลดค่าสีผสมอาหาร 3 ชนิด
  • สศก.เปิดเผยศึกษาลำไยนอกฤดู ยันเกษตรกรได้รับผลคุ้มค่า แนะตั้งกลุ่มส่งเสริมจริงจัง
  • โอกาสของเกษตรกรรายย่อยในการรับรองฟาร์มแบบกลุ่ม
  • มะนาวพันธุ์ 'แป้นดกพิเศษ' ดกกว่าพันธุ์แป้นรำไพ 2-3 เท่า
  • ศูนย์นวัตกรรมเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

    Postharvest Technology Innovation Center

    เทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว | ข่าวเกษตร | บทความ | ฐานข้อมูลงานวิจัย | วีดีโอ | Postharvest Technology