͢¢ԷҡѧPostharvest Technology Information NetworkPostharvest TechnologyɵҪԡ͢纺촡ɵҹŧҹԨ

แนะนำหน่วยงาน

  • หน้าหลัก
  • ประชาสัมพันธ์ศูนย์ฯ
  • ความเป็นมา
  • วัตถุประสงค์
  • โครงสร้างการบริหาร
  • คณะกรรมการอำนวยการ
  • คณะกรรมการบริหาร
  • ภาคีสถาบันอุดมศึกษาและวิจัย
  • ติดต่อศูนย์ ฯ

บริการต่าง ๆ

  • PHTNET E-Learning
  • Postharvest Newsletter
  • เครื่องมือวิทยาศาสตร์
  • ห้องปฏิบัติการ
  • รายชื่อผู้ประกอบการ
  • ฐานข้อมูลผู้เชี่ยวชาญ
  • หลักสูตรวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยว
  • รูปภาพความเสียหายหลังการเก็บเกี่ยว
  • มาตรฐานสินค้าเกษตร และระเบียบการส่งออก
  • ลิ้งค์ที่เกี่ยวข้อง

หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

  • สถาบันวิจัยเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว
  • กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
  • กรมส่งเสริมการเกตร
  • กรมวิชาการเกษตร
  • สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร
  • อุตุนิยมวิทยาเพื่อการเกษตร
  • สมาคมผู้ส่งข้าวออกต่างประเทศ
  • ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย
  • สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (สวก.)

หน้าแรก > ข่าวเกษตรประจำวัน

กระเจี๊ยบเขียวปลูกที่ไหนเหมาะสม

เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 52

กระเจี๊ยบเขียวปลูกที่ไหนเหมาะสม มีจดหมายจากจังหวัดเชียงใหม่ถามเข้ามาว่า พื้นที่ที่เหมาะสมในการปลูกกระเจี๊ยบเขียวเพื่อการส่งออกของประเทศไทยมีที่ใดบ้าง
 
กระเจี๊ยบเขียวเป็นผักส่งออกที่สำคัญของประเทศไทย ทำรายได้ปีละมากกว่า 200 ล้านบาท มีตลาดหลักที่ประเทศญี่ปุ่น ในรูปผักสด และแช่แข็ง ผลผลิตกระเจี๊ยบเขียวที่ได้มาตรฐานแต่ละปียังมีปริมาณไม่พอเพียงต่อความต้องการของตลาด ซึ่งปัญหาสำคัญในการผลิต ได้แก่ การระบาดของศัตรูพืช
 
กระเจี๊ยบเขียวเป็นพืชผักที่เจริญเติบโตได้ดีในเขตกึ่งร้อน โดยอุณหภูมิเฉลี่ยสูงสุดประมาณ 35 ํC และอุณหภูมิเฉลี่ยต่ำสุดไม่ต่ำกว่า 18 ํC จะเป็นสภาพที่เหมาะสมสำหรับการเจริญเติบโต กระเจี๊ยบเขียวเป็นพืชยืนต้น อายุประมาณ 1 ปี เจริญเติบโตได้ดีในดินเกือบทุกชนิด แต่ไม่ชอบดินที่มีน้ำแฉะขัง หรือระบายน้ำยาก และดินกรดจัด   พีเอชควรอยู่ระหว่าง 6.6 -6.8 การปลูกเพื่อส่งออกตลาดญี่ปุ่นที่ผ่านมาจะมีความต้องการมากในช่วงเดือนกันยายน -พฤษภาคม ผลผลิตที่ต้องการคือที่ความยาวฝัก 7-10 เซนติเมตร
 
พื้นที่เหมาะสมสำหรับปลูกเพื่อการส่งออกก็มี กรุงเทพฯ ราชบุรี นครปฐม อ่างทอง หรือพื้นที่อื่น ๆ ที่สามารถขนส่งผลผลิตได้ทางเครื่องบิน เช่น เชียงใหม่ สงขลา ปัจจุบันมีพื้นที่ปลูกเพื่อการส่งออกประกอบด้วย  กรุงเทพฯ สมุทรสาคร ราชบุรี นครปฐม อ่างทอง สุพรรณบุรี จันทบุรี เชียงใหม่ และสระแก้ว.

ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ วันที่ 20 มีนาคม 2552
http://www.dailynews.co.th/web/html/popup_news/Default.aspx?Newsid=193920&NewsType=1&Template=1

ข่าวที่เกี่ยวข้อง
  • ทางเลือก-ทางรอดเกษตรกรรมไทยในปี 2553
  • มันสำปะหลังทุบสถิติส่งท้ายปี สูงเกินราคาประกันรัฐบาล คาดปีหน้ายังพุ่งขึ้นต่อเนื่อง
  • เตือนภัย เพลี้ยแป้งระบาดในมันสำปะหลัง
  • อียูลดค่าสีผสมอาหาร 3 ชนิด
  • สศก.เปิดเผยศึกษาลำไยนอกฤดู ยันเกษตรกรได้รับผลคุ้มค่า แนะตั้งกลุ่มส่งเสริมจริงจัง
  • โอกาสของเกษตรกรรายย่อยในการรับรองฟาร์มแบบกลุ่ม
  • มะนาวพันธุ์ 'แป้นดกพิเศษ' ดกกว่าพันธุ์แป้นรำไพ 2-3 เท่า
  • ศูนย์นวัตกรรมเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

    Postharvest Technology Innovation Center

    เทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว | ข่าวเกษตร | บทความ | ฐานข้อมูลงานวิจัย | วีดีโอ | Postharvest Technology