͢¢ԷҡѧPostharvest Technology Information NetworkPostharvest TechnologyɵҪԡ͢纺촡ɵҹŧҹԨ

แนะนำหน่วยงาน

  • หน้าหลัก
  • ประชาสัมพันธ์ศูนย์ฯ
  • ความเป็นมา
  • วัตถุประสงค์
  • โครงสร้างการบริหาร
  • คณะกรรมการอำนวยการ
  • คณะกรรมการบริหาร
  • ภาคีสถาบันอุดมศึกษาและวิจัย
  • ติดต่อศูนย์ ฯ

บริการต่าง ๆ

  • PHTNET E-Learning
  • Postharvest Newsletter
  • เครื่องมือวิทยาศาสตร์
  • ห้องปฏิบัติการ
  • รายชื่อผู้ประกอบการ
  • ฐานข้อมูลผู้เชี่ยวชาญ
  • หลักสูตรวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยว
  • รูปภาพความเสียหายหลังการเก็บเกี่ยว
  • มาตรฐานสินค้าเกษตร และระเบียบการส่งออก
  • ลิ้งค์ที่เกี่ยวข้อง

หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

  • สถาบันวิจัยเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว
  • กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
  • กรมส่งเสริมการเกตร
  • กรมวิชาการเกษตร
  • สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร
  • อุตุนิยมวิทยาเพื่อการเกษตร
  • สมาคมผู้ส่งข้าวออกต่างประเทศ
  • ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย
  • สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (สวก.)

หน้าแรก > ข่าวเกษตรประจำวัน

เพลี้ยกระโดดลงแปลงนา กรมฯข้าวแนะเกษตรกรป้องกัน

เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 52

เพลี้ยกระโดดลงแปลงนา กรมฯข้าวแนะเกษตรกรป้องกัน

นาย ประเสริฐ โกศัลวิตร อธิบดีกรมการข้าว เปิดเผยว่า ในช่วงกลางเดือนมีนาคมนี้ อุณหภูมิโดยทั่วไปค่อนข้างสูง ในภาคกลางและภาคเหนือตอนล่างซึ่งทำนาปรัง การเจริญเติบโตของต้นข้าวอาจจะชะงัก และยังพบอาการเมาตอซัง ซึ่งรากข้าวจะมีลักษณะดำ เนื่องจากขาดออกซิเจน ทำให้ไม่สามารถดูดธาตุอาหารได้ หากมีน้ำสำรองควรถ่ายน้ำออกจนแห้ง ปล่อยทิ้งระยะหนึ่งจึงเอาน้ำใหม่เข้า หากอยู่ในระยะแตกกอควรให้ปุ๋ย และในบางแห่งที่ข้าวกำลังตั้งท้องใกล้ออกดอก แต่มีฝนตกลมแรงควรใช้สารป้องกันควบคุมโรคเมล็ดด่างที่มีสาเหตุจากเชื้อรา

เพื่อป้องกันการเกิดเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลพาหะนำเชื้อไวรัสโรคใบหงิก ทำให้ต้นข้าวมีอาการแคระแกร็น ต้นเตี้ย ใบสีเขียวเข้ม แคบและสั้น ใบแก่ช้ากว่าปกติ ปลายใบบิดเป็นเกลียว ขอบแหว่ง ซึ่งมักเกิดขึ้นในช่วงนี้เดือนมีนาคม ศูนย์ปฏิบัติการติดตามสถานการณ์ข้าว จึงได้ทำการดักแสงไฟที่ศูนย์วิจัยฯในภาคกลาง เพื่อใช้ ตรวจนับเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลนาข้าว พบว่าในช่วงนี้มีปริมาณแมลงค่อนข้างสูง ดังนั้นเกษตรกรที่ทำนาในเขตภาคกลางควรหมั่นสำรวจแมลงที่โคนต้นข้าว หากพบว่ามีปริมาณสูงมากกว่า 10 ตัว/กอ ควรเร่งหาแนวทางควบคุม สำหรับการเลือกใช้สารฆ่าแมลงนั้น เกษตรกรไม่ควรใช้สารประเภทออกฤทธิ์สัมผัสเร็วอย่างกลุ่มยาไพรีทรอยด์สังเคราะห์ แอลฟาไซเพอร์มิทรินไซเพอร์มิทริน ไซแฮโลทริน เดคาเมทริน เอสเฟนแวเลอเรตเพอร์มิทริน ไตรอะโซฟอส ไอโซซาไทออน ไพริดาเฟนไทออน ควินาลฟอส และเตตระคลอร์วินฟอส เนื่องจากสารกลุ่มนี้จะมีผลต่อศัตรูธรรมชาติอย่างมาก

อย่างไรก็ตาม เกษตรกรสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่หน่วยงานของกรมการข้าวใกล้บ้านและที่ศูนย์บริการชาวนาทั้ง 50 แห่งทั่วประเทศ.

ที่มา : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ วันที่ 19 มีนาคม 2552
http://www.thairath.co.th/news.php?section=agriculture&content=128579

ข่าวที่เกี่ยวข้อง
  • ทางเลือก-ทางรอดเกษตรกรรมไทยในปี 2553
  • มันสำปะหลังทุบสถิติส่งท้ายปี สูงเกินราคาประกันรัฐบาล คาดปีหน้ายังพุ่งขึ้นต่อเนื่อง
  • เตือนภัย เพลี้ยแป้งระบาดในมันสำปะหลัง
  • อียูลดค่าสีผสมอาหาร 3 ชนิด
  • สศก.เปิดเผยศึกษาลำไยนอกฤดู ยันเกษตรกรได้รับผลคุ้มค่า แนะตั้งกลุ่มส่งเสริมจริงจัง
  • โอกาสของเกษตรกรรายย่อยในการรับรองฟาร์มแบบกลุ่ม
  • มะนาวพันธุ์ 'แป้นดกพิเศษ' ดกกว่าพันธุ์แป้นรำไพ 2-3 เท่า
  • ศูนย์นวัตกรรมเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

    Postharvest Technology Innovation Center

    เทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว | ข่าวเกษตร | บทความ | ฐานข้อมูลงานวิจัย | วีดีโอ | Postharvest Technology