͢¢ԷҡѧPostharvest Technology Information NetworkPostharvest TechnologyɵҪԡ͢纺촡ɵҹŧҹԨ

แนะนำหน่วยงาน

  • หน้าหลัก
  • ประชาสัมพันธ์ศูนย์ฯ
  • ความเป็นมา
  • วัตถุประสงค์
  • โครงสร้างการบริหาร
  • คณะกรรมการอำนวยการ
  • คณะกรรมการบริหาร
  • ภาคีสถาบันอุดมศึกษาและวิจัย
  • ติดต่อศูนย์ ฯ

บริการต่าง ๆ

  • PHTNET E-Learning
  • Postharvest Newsletter
  • เครื่องมือวิทยาศาสตร์
  • ห้องปฏิบัติการ
  • รายชื่อผู้ประกอบการ
  • ฐานข้อมูลผู้เชี่ยวชาญ
  • หลักสูตรวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยว
  • รูปภาพความเสียหายหลังการเก็บเกี่ยว
  • มาตรฐานสินค้าเกษตร และระเบียบการส่งออก
  • ลิ้งค์ที่เกี่ยวข้อง

หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

  • สถาบันวิจัยเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว
  • กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
  • กรมส่งเสริมการเกตร
  • กรมวิชาการเกษตร
  • สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร
  • อุตุนิยมวิทยาเพื่อการเกษตร
  • สมาคมผู้ส่งข้าวออกต่างประเทศ
  • ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย
  • สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (สวก.)

หน้าแรก > ข่าวเกษตรประจำวัน

ปลากรายวางไข่ได้เองในบ่อเลี้ยง

เมื่อวันที่ 6 มีนาคม 52

ปลากรายวางไข่ได้เองในบ่อเลี้ยง มีถามมาจากชายฝั่งทะเลอันดามันของภาคใต้ว่า ถ้าจะเลี้ยงปลาทราย หรือที่บางแห่งเรียกว่าปลาเห็ดโคนบริเวณชายฝั่งทะเลโดยให้ปลาวางไข่เพื่อขยายพันธุ์เอง จะสามารถทำได้หรือไม่
 
ติดต่อสอบถามผู้รู้เป็นการเฉพาะของเรื่องนี้แล้ว ได้รับคำตอบว่าไม่น่าจะมีปัญหา เพราะมีการทดลองศึกษามาแล้วที่สถาบันวิจัยการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่ง จ.สงขลา โดยรวบรวมพ่อแม่พันธุ์ปลายทรายจากธรรมชาติมาเพาะพันธุ์ในถังไฟเบอร์ขนาด 1 ตัน พบว่าสามารถวางไข่เองได้โดยไม่ต้องใช้ฮอร์โมน การปล่อยให้ปลาวางไข่เองตามธรรมชาติทำให้ปลามีโอกาสฟักเป็นตัวสูง เนื่องจากปลาที่ไม่ถูกกระตุ้นด้วยฮอร์โมนไข่จะมีความสมบูรณ์ คุณภาพดี การวางไข่เองจากธรรมชาติจะใช้เวลา 20 วัน การอนุบาลลูกปลาในความหนาแน่นต่ำ อัตราการรอดก็จะสูงขึ้น เพราะว่านิสัยปลาทรายเป็นปลาที่ต้องการพื้นที่ในการพัฒนาการเจริญเติบโตในระยะวัยอ่อนสูงกว่าปลาชนิดอื่น ๆ อย่างไรก็ตาม ความหนาแน่นสูงหากระบบน้ำไหลก็จะสามารถควบคุมคุณภาพน้ำในถังอนุบาลให้อยู่ในระยะที่เหมาะสมได้ ความเค็มของน้ำ ลูกปลาทรายที่อนุบาลในน้ำกร่อยเจริญเติบโตจะดีกว่าน้ำทะเลปกติแต่อัตราการรอดไม่แตกต่างกัน
 
และจากการศึกษาปลาทรายที่เลี้ยงทดลองอายุ 2-6 เดือนในถังอนุบาลขนาด 1 ตัน ปล่อยลูกปลา 105 ตัว พื้นถังรองทราย 25 ซม. ให้อาหาร ปลาเป็ด ปลาข้างเหลืองสับละเอียดวันละ 2 มื้อ พบว่าการเจริญเติบโตดี การเพาะเลี้ยงปลาทรายต้องศึกษาพื้นที่ทำเลสภาพพื้นที่ชายฝั่งทะเลดินทราย และความเค็มควรอยู่ที่ประมาณ 20-25 ppt
 
ปลาทรายคาดกันว่า จะเป็นปลาที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจในอนาคตต่อไปข้างหน้า และจะเป็นอาชีพหนึ่งที่ผู้สนใจจะนำไปประกอบอาชีพได้.

ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ วันที่ 6 มีนาคม 2552
http://www.dailynews.co.th/web/html/popup_news/Default.aspx?Newsid=192630&NewsType=1&Template=1

ข่าวที่เกี่ยวข้อง
  • ทางเลือก-ทางรอดเกษตรกรรมไทยในปี 2553
  • มันสำปะหลังทุบสถิติส่งท้ายปี สูงเกินราคาประกันรัฐบาล คาดปีหน้ายังพุ่งขึ้นต่อเนื่อง
  • เตือนภัย เพลี้ยแป้งระบาดในมันสำปะหลัง
  • อียูลดค่าสีผสมอาหาร 3 ชนิด
  • สศก.เปิดเผยศึกษาลำไยนอกฤดู ยันเกษตรกรได้รับผลคุ้มค่า แนะตั้งกลุ่มส่งเสริมจริงจัง
  • โอกาสของเกษตรกรรายย่อยในการรับรองฟาร์มแบบกลุ่ม
  • มะนาวพันธุ์ 'แป้นดกพิเศษ' ดกกว่าพันธุ์แป้นรำไพ 2-3 เท่า
  • ศูนย์นวัตกรรมเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

    Postharvest Technology Innovation Center

    เทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว | ข่าวเกษตร | บทความ | ฐานข้อมูลงานวิจัย | วีดีโอ | Postharvest Technology