͢¢ԷҡѧPostharvest Technology Information NetworkPostharvest TechnologyɵҪԡ͢纺촡ɵҹŧҹԨ

แนะนำหน่วยงาน

  • หน้าหลัก
  • ประชาสัมพันธ์ศูนย์ฯ
  • ความเป็นมา
  • วัตถุประสงค์
  • โครงสร้างการบริหาร
  • คณะกรรมการอำนวยการ
  • คณะกรรมการบริหาร
  • ภาคีสถาบันอุดมศึกษาและวิจัย
  • ติดต่อศูนย์ ฯ

บริการต่าง ๆ

  • PHTNET E-Learning
  • Postharvest Newsletter
  • เครื่องมือวิทยาศาสตร์
  • ห้องปฏิบัติการ
  • รายชื่อผู้ประกอบการ
  • ฐานข้อมูลผู้เชี่ยวชาญ
  • หลักสูตรวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยว
  • รูปภาพความเสียหายหลังการเก็บเกี่ยว
  • มาตรฐานสินค้าเกษตร และระเบียบการส่งออก
  • ลิ้งค์ที่เกี่ยวข้อง

หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

  • สถาบันวิจัยเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว
  • กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
  • กรมส่งเสริมการเกตร
  • กรมวิชาการเกษตร
  • สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร
  • อุตุนิยมวิทยาเพื่อการเกษตร
  • สมาคมผู้ส่งข้าวออกต่างประเทศ
  • ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย
  • สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (สวก.)

หน้าแรก > ข่าวเกษตรประจำวัน

แนะใช้ พด.3 ปรับปรุงดินสวน ป้องกันโรครากเน่าหลังน้ำลด

เมื่อวันที่ 7 มกราคม 52

แนะใช้ พด.3 ปรับปรุงดินสวน ป้องกันโรครากเน่าหลังน้ำลด นายฉลอง เทพวิทักษ์กิจ รองอธิบดีกรมพัฒนาที่ดินด้านวิชาการ เปิดเผยว่า จากสถานการณ์น้ำท่วมใน 7 จังหวัดภาคใต้ตอนบน โดยเฉพาะ จ.ชุมพร สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช ที่เกิดน้ำท่วมขังในสวนผลไม้เป็นเวลานาน จึงควรให้การดูแลเพื่อป้องกันการเกิดโรครากเน่าโดยหลังน้ำลดขณะดินยังเปียกอยู่ ไม่ควรเข้าไปเหยียบย่ำ หรือการนำเครื่องจักรกลหนักเข้าไปในสวนเพราะจะทำให้เกิดการอัดแน่น ซึ่งจะส่งผลเสียต่อการไหลซึมของน้ำและกระทบกระเทือนต่อระบบรากพืช

ส่วนแนวทางแก้ไขในการช่วยปรับปรุงดินในสวนผลไม้ หลังจากน้ำท่วม ให้รีบทำการระบายน้ำร่วมกับการใช้ผลิตภัณฑ์จุลินทรีย์ สารเร่งซุปเปอร์ พด.3 ที่มีคุณสมบัติในการควบคุมเชื้อสาเหตุโรคพืชในดิน สามารถทำลายหรือยับยั้งการเจริญของเชื้อจุลินทรีย์ในดิน อันเป็นสาเหตุทำให้เกิดอาการรากเน่าหรือโคนเน่าในพืชที่ปลูก ทั้งในสภาพที่ดอนและที่ลุ่ม ทำให้รากพืชแข็งแรง และดินมีธาตุอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อพืชเพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ โดยการผสมสารเร่งซุปเปอร์ พด.3 ในน้ำสะอาด คนให้เข้ากันนาน 5 นาที แล้วรดสารละลายซุปเปอร์ พด.3 ลงในกองปุ๋ยหมักและรำข้าว (100 กิโลกรัม) หรือมูลไก่ มูลค้างคาว (1 กิโลกรัม) คลุกเคล้าให้เข้ากัน จากนั้นตั้งกองปุ๋ยที่คลุกผสมเข้ากันดีแล้ว เป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าให้มีความสูง 50 เซนติเมตร และใช้วัสดุคลุมกองปุ๋ย เพื่อรักษาความชื้นให้ได้ 60 - 70 เปอร์เซ็นต์ และหมักกองปุ๋ยให้อยู่ในที่ร่มเป็นเวลา 7 วัน นำไปใส่แปลงเพาะกล้า ในอัตราส่วน 1 - 2 กิโลกรัมต่อพื้นที่ 10 ตารางเมตร พืชไร่ พืชผัก และไม้ดอกไม้ประดับ ในอัตราส่วน 100 กิโลกรัมต่อไร่ และไม้ผล ไม้ยืนต้น ในอัตราส่วน 3 - 6 กิโลกรัมต่อต้น

ที่มา : หนังสือพิมพ์แนวหน้า วันที่ 7 มกราคม 2552
http://www.naewna.com/news.asp?ID=141751

ข่าวที่เกี่ยวข้อง
  • ทางเลือก-ทางรอดเกษตรกรรมไทยในปี 2553
  • มันสำปะหลังทุบสถิติส่งท้ายปี สูงเกินราคาประกันรัฐบาล คาดปีหน้ายังพุ่งขึ้นต่อเนื่อง
  • เตือนภัย เพลี้ยแป้งระบาดในมันสำปะหลัง
  • อียูลดค่าสีผสมอาหาร 3 ชนิด
  • สศก.เปิดเผยศึกษาลำไยนอกฤดู ยันเกษตรกรได้รับผลคุ้มค่า แนะตั้งกลุ่มส่งเสริมจริงจัง
  • โอกาสของเกษตรกรรายย่อยในการรับรองฟาร์มแบบกลุ่ม
  • มะนาวพันธุ์ 'แป้นดกพิเศษ' ดกกว่าพันธุ์แป้นรำไพ 2-3 เท่า
  • ศูนย์นวัตกรรมเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

    Postharvest Technology Innovation Center

    เทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว | ข่าวเกษตร | บทความ | ฐานข้อมูลงานวิจัย | วีดีโอ | Postharvest Technology