͢¢ԷҡѧPostharvest Technology Information NetworkPostharvest TechnologyɵҪԡ͢纺촡ɵҹŧҹԨ

แนะนำหน่วยงาน

  • หน้าหลัก
  • ประชาสัมพันธ์ศูนย์ฯ
  • ความเป็นมา
  • วัตถุประสงค์
  • โครงสร้างการบริหาร
  • คณะกรรมการอำนวยการ
  • คณะกรรมการบริหาร
  • ภาคีสถาบันอุดมศึกษาและวิจัย
  • ติดต่อศูนย์ ฯ

บริการต่าง ๆ

  • PHTNET E-Learning
  • Postharvest Newsletter
  • เครื่องมือวิทยาศาสตร์
  • ห้องปฏิบัติการ
  • รายชื่อผู้ประกอบการ
  • ฐานข้อมูลผู้เชี่ยวชาญ
  • หลักสูตรวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยว
  • รูปภาพความเสียหายหลังการเก็บเกี่ยว
  • มาตรฐานสินค้าเกษตร และระเบียบการส่งออก
  • ลิ้งค์ที่เกี่ยวข้อง

หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

  • สถาบันวิจัยเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว
  • กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
  • กรมส่งเสริมการเกตร
  • กรมวิชาการเกษตร
  • สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร
  • อุตุนิยมวิทยาเพื่อการเกษตร
  • สมาคมผู้ส่งข้าวออกต่างประเทศ
  • ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย
  • สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (สวก.)

หน้าแรก > ข่าวเกษตรประจำวัน

ปลูกแก้วมังกรห่อผลดีที่สุด

เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 52

ปลูกแก้วมังกรห่อผลดีที่สุด มีถามเข้ามาเรื่องแก้วมังกร โดยบอก ว่ายังเป็นมือใหม่ แต่สนใจจะปลูก เพราะรับรู้มาว่าเป็นพืชทนแล้งได้ดี ประกอบกับข่าวที่ว่าแนวโน้มโลกจะร้อนมากขึ้น และพื้นที่อยู่ห่างไกลน้ำ เลยอยากลอง
 
ขั้นต้นขอแนะนำว่าอย่าเพิ่งใจร้อนต่อการตัดสินใจปลูก หากยังไม่ศึกษาเรื่องตลาด จนเป็นที่เข้าใจถ่องแท้เสียก่อนสำหรับพืชตัวนี้ แต่ถ้าตัดสินใจแล้วประการต่อมาที่ต้องคำนึงถึงคือเรื่องของแสง จะต้องอยู่ในสภาพกลางแจ้งที่ได้รับแสงแดดเต็มที่ ตามด้วยโครงสร้างของดิน สภาพดินควรเป็นดินร่วนทรายที่มีอินทรียวัตถุสูง แก้วมังกรไม่ชอบสภาพดินเหนียวและดินลูกรัง จากนั้นก็เรื่อง สภาพภูมิอากาศ ควรมีอุณหภูมิเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 20 องศาเซลเซียส ซึ่งจะช่วยเร่ง   การเจริญเติบโตได้ดี พืชชนิดนี้มีโรคและแมลงรบกวนไม่มากนัก จะมีก็เช่นมดที่ทำลายมากที่สุดโดยจะกัดกินใบ ข้อและผล หอยทากจะดูดผลเป็นรูกลมในขณะเดียวกันศัตรูที่มีความสำคัญมากของการปลูกแก้วมังกรก็คือนกกิ้งโครงและแมลงวันทอง ซึ่งจะป้องกันแมลงและสัตว์เหล่านี้ได้ก็ด้วยวิธีการห่อผลเท่านั้น
 
โดยห่อผลเมื่อมีอายุผลได้ประมาณ 2 สัปดาห์ หลังจากดอกบาน การดูแลรักษาระหว่างปลูก โดยทั่วไปค่อนข้างสะดวกเพราะเป็นพืชทนแล้งจึงไม่ต้องให้น้ำมากเหมือนไม้ผลอื่น ๆ แต่ก็ควรหาเศษหญ้าแห้ง ฟาง หรือ แกลบเป็นวัสดุคลุมโคนต้นไว้เพื่อช่วยรักษาความชื้นของดินและป้องกันวัชพืช การบำรุงใส่ปุ๋ยคอกประมาณ 1 ปุ้งกี๋ต่อหลัก ส่วนปุ๋ยเคมีหากจะใช้ควรใช้สูตรเสมอ 15-15-15 หลักละ 1-2 ช้อนแกง.

ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2552
http://www.dailynews.co.th/web/html/popup_news/Default.aspx?Newsid=191372&NewsType=1&Template=1

ข่าวที่เกี่ยวข้อง
  • ทางเลือก-ทางรอดเกษตรกรรมไทยในปี 2553
  • มันสำปะหลังทุบสถิติส่งท้ายปี สูงเกินราคาประกันรัฐบาล คาดปีหน้ายังพุ่งขึ้นต่อเนื่อง
  • เตือนภัย เพลี้ยแป้งระบาดในมันสำปะหลัง
  • อียูลดค่าสีผสมอาหาร 3 ชนิด
  • สศก.เปิดเผยศึกษาลำไยนอกฤดู ยันเกษตรกรได้รับผลคุ้มค่า แนะตั้งกลุ่มส่งเสริมจริงจัง
  • โอกาสของเกษตรกรรายย่อยในการรับรองฟาร์มแบบกลุ่ม
  • มะนาวพันธุ์ 'แป้นดกพิเศษ' ดกกว่าพันธุ์แป้นรำไพ 2-3 เท่า
  • ศูนย์นวัตกรรมเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

    Postharvest Technology Innovation Center

    เทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว | ข่าวเกษตร | บทความ | ฐานข้อมูลงานวิจัย | วีดีโอ | Postharvest Technology