อียูกำหนดค่าเคมีตกค้าง ไทยขอเวลาปรับตัว 18 เดือน

อียูกำหนดค่าเคมีตกค้าง ไทยขอเวลาปรับตัว 18 เดือน

เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 52

นางสาวเมทนี สุคนธรักษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาผู้ประกอบการไทยที่ผลิตสินค้าน้ำพริกและเครื่องแกงสำเร็จรูป มีปัญหาในการหาฝาขวดที่เหมาะสมกับผลิตภัณฑ์ ดังนั้นไทยขอให้สหภาพยุโรป (อียู) พิจารณาการจัดสินค้าน้ำพริกและเครื่องแกงสำเร็จรูปให้อยู่ในกลุ่มสินค้าที่ สามารถใช้หลักผ่อนปรน (Reduction Factor) การ คำนวณค่าถ่ายเทสารตกค้างลงสู่อาหารตามระเบียบวัสดุบรรจุภัณฑ์ที่อียูได้ กำหนดระเบียบข้อบังคับใช้มานานก่อนที่สินค้าดังกล่าวของไทยจะแพร่หลายในตลาด

ทั้ง นี้ ทางอียูยินดีรับพิจารณาหลักการ โดยให้เจ้าหน้าที่ประสานรายละเอียดด้านเทคนิคกับฝ่ายไทยเร็วๆนี้ ซึ่งหากมีการประกาศให้กลุ่มสินค้าดังกล่าวอยู่ในรายการผ่อนปรน คาดว่าจะเป็นโอกาสดีสำหรับการส่งออก เพราะสินค้ากลุ่มนี้จะมีความสำคัญต่อการส่งเสริมอาหารไทยให้รู้จักแพร่หลาย ในตลาดสหภาพยุโรปได้ต่อไปในอนาคต

นอกจากนี้ ยังได้หารือเกี่ยวกับระเบียบว่าด้วยการกำหนดระดับค่าสารเคมีตกค้างสูงสุดที่อนุญาตให้มี (MRL) ใน ผลิตภัณฑ์อารักขาพืชที่แนวโน้มว่าจะปรับลดสารเคมีปราบศัตรูพืชให้เป็น มาตรฐานเดียวกันจำนวนมาก และอาจส่งผลกระทบต่อการส่งออก อย่างไรก็ตาม สหภาพยุโรปชี้แจงว่า หากสารเคมีรายการใดยังมีความจำเป็นต้องใช้ ไทยสามารถยื่นคำร้องขอจัดทำการกำหนดค่า MRL ได้ ภายในระยะเวลา 18 เดือน.

ที่มา : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2552
http://www.thairath.co.th/news.php?section=agriculture&content=124168

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ทางเลือก-ทางรอดเกษตรกรรมไทยในปี 2553

มันสำปะหลังทุบสถิติส่งท้ายปี สูงเกินราคาประกันรัฐบาล คาดปีหน้ายังพุ่งขึ้นต่อเนื่อง

เตือนภัย เพลี้ยแป้งระบาดในมันสำปะหลัง

อียูลดค่าสีผสมอาหาร 3 ชนิด

สศก.เปิดเผยศึกษาลำไยนอกฤดู ยันเกษตรกรได้รับผลคุ้มค่า แนะตั้งกลุ่มส่งเสริมจริงจัง

โอกาสของเกษตรกรรายย่อยในการรับรองฟาร์มแบบกลุ่ม

มะนาวพันธุ์ 'แป้นดกพิเศษ' ดกกว่าพันธุ์แป้นรำไพ 2-3 เท่า