͢¢ԷҡѧPostharvest Technology Information NetworkPostharvest TechnologyɵҪԡ͢纺촡ɵҹŧҹԨ

แนะนำหน่วยงาน

  • หน้าหลัก
  • ประชาสัมพันธ์ศูนย์ฯ
  • ความเป็นมา
  • วัตถุประสงค์
  • โครงสร้างการบริหาร
  • คณะกรรมการอำนวยการ
  • คณะกรรมการบริหาร
  • ภาคีสถาบันอุดมศึกษาและวิจัย
  • ติดต่อศูนย์ ฯ

บริการต่าง ๆ

  • PHTNET E-Learning
  • Postharvest Newsletter
  • เครื่องมือวิทยาศาสตร์
  • ห้องปฏิบัติการ
  • รายชื่อผู้ประกอบการ
  • ฐานข้อมูลผู้เชี่ยวชาญ
  • หลักสูตรวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยว
  • รูปภาพความเสียหายหลังการเก็บเกี่ยว
  • มาตรฐานสินค้าเกษตร และระเบียบการส่งออก
  • ลิ้งค์ที่เกี่ยวข้อง

หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

  • สถาบันวิจัยเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว
  • กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
  • กรมส่งเสริมการเกตร
  • กรมวิชาการเกษตร
  • สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร
  • อุตุนิยมวิทยาเพื่อการเกษตร
  • สมาคมผู้ส่งข้าวออกต่างประเทศ
  • ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย
  • สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (สวก.)

หน้าแรก > ข่าวเกษตรประจำวัน

กระทรวงเกษตรฯ เตรียมพร้อมรับภัยแล้ง

เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 52

กระทรวงเกษตรฯ เตรียมพร้อมรับภัยแล้ง จากภาวะโลกร้อนที่เกิดขึ้น ส่งผลให้มีการคาดการณ์ว่า ในปีนี้ประเทศไทยอาจต้องประสบกับสถานการณ์ภัยแล้งยาว นานกว่าปกติ อย่างไรก็ตาม ในส่วนของกระทรวงเกษตรฯ มีการเตรียมพร้อมด้วยการวางมาตรการรับมือปัญหาภัยแล้งที่อาจเกิดขึ้นใน 4 จังหวัดที่น่าเป็นห่วง
 
สำหรับสถานการณ์ภัยแล้ง ที่อาจเกิดขึ้นว่าทางกระทรวงเกษตรฯ โดย นายธีระ วงศ์สมุทร รมว.กระทรวงเกษตรฯ ให้ทุกหน่วยงาน โดยเฉพาะกรมชลประทาน สำนักฝนหลวงและ การบินเกษตร กรมปศุสัตว์ บูรณาการมาตรการต่าง ๆ รับมือกับภัยแล้งที่จะเกิดขึ้น ซึ่งขณะนี้กรมชลประทาน ได้เร่งทำการสำรวจพื้นที่ที่คาดว่าจะประสบภัยแล้ง และพบว่าพื้นที่น่าเป็นห่วงมี 4 จังหวัด คือ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี แพร่ และอุตรดิตถ์
 
หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดในพื้นที่ 4 จังหวัดข้างต้น ได้ระดมเตรียมพร้อมในการช่วยเหลือประชาชน คาดว่าทั้ง 4 จังหวัดจะมีปริมาณพืชผลทางการเกษตร ที่อาจจะได้รับความเสียหายประมาณ 58,000 ไร่ ครอบคลุมนาข้าวและพืชชนิดอื่น ซึ่งปัญหาดังกล่าวหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้วางแผนในการที่จะรับมือไว้แล้ว โดยกรมชลประทานได้เตรียมพร้อมเรื่องเครื่องสูบน้ำ และรถบรรทุกน้ำ เพื่อช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ทันทีหากมีความจำเป็น ขณะเดียวกันในส่วนของกรมปศุสัตว์ ได้มีการเตรียมความพร้อมในเรื่องอาหารสัตว์ นอกจากนั้น สำนักฝนหลวงและการบินเกษตร มีการสำรวจพื้นที่ หากพบว่าพื้นที่ใดเหมาะสมในการบินขึ้นปฏิบัติการฝนหลวง ก็สามารถดำเนินการได้ทันที เพื่อไม่ให้เกษตรกรได้รับความเดือดร้อนมากเมื่อเกิดปัญหาภัยแล้ง
 
“ผมห่วงภัยแล้งโดยเฉพาะในพื้นที่ 4 จังหวัด คือ ประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี อุตรดิตถ์ และแพร่ ซึ่ง 4 จังหวัดนี้ เท่าที่ประเมินคร่าว ๆ น่าจะมีพื้นที่การเกษตรที่ได้รับผลกระทบกว่า 58,000 ไร่ แต่ตัวเลขนี้เป็นเพียงตัวเลขที่มีการสำรวจเบื้องต้น ซึ่งในขณะนี้ยังไม่เกิดภัยแล้งรุนแรง อย่างไรก็ดี จากการวางมาตรการในการรองรับปัญหาที่เกิดขึ้น ผมเชื่อว่าจะรับมือได้ ไม่น่ามีปัญหา เพราะตอนนี้ได้กำชับทุกหน่วยงานให้เตรียมพร้อมตลอดเวลา” นายธีระ กล่าว
 
ในส่วนปัญหาไฟป่า ที่อาจจะเกิดจากภาวะภัยแล้ง ทางกระทรวงเกษตรฯได้สั่งการให้สำนักฝนหลวงและการบินเกษตร เร่งปฏิบัติการทำฝนหลวงเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับพื้นที่ป่า ถือเป็นอีกแนวทางหนึ่งในการป้องกันปัญหาไฟป่า โดยขณะนี้ทางสำนักฝนหลวงฯ ได้มีการตั้งศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงทั่วประเทศ จำนวน 8 ศูนย์ ซึ่งเชื่อว่า น่าจะสามารถรับมือกับภัยแล้งและไฟป่าที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างแน่นอน
 
ในส่วนสำนักฝนหลวง ที่ถือเป็นหน่วยงานหลักในการแก้ปัญหาภัยแล้งได้เตรียมพร้อมในการปฏิบัติการฝนหลวงให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยล่าสุด มีการศึกษาวิจัยสูตรการทำฝนหลวงขึ้นมาใหม่ งานนี้ผู้ตรวจราชการที่ดูแลสำนักฝนหลวง นายไพโรจน์ ลิ้มจำรูญ บอกว่าสำนักฝนหลวงและกองบินเกษตรร่วมกับกองทัพอากาศได้ศึกษาวิจัยจนประสบความสำเร็จในการวิจัยและพัฒนาสารฝนหลวงสูตรใหม่ที่พัฒนามาตั้งแต่ปี 2547 โดยคิดค้น พลุสารดูดความชื้นสูตรแคลเซียมคลอไรด์ ซึ่งจะปล่อยอนุภาคของสารที่เผาไหม้แล้วเข้าไปทำปฏิกิริยากับเมฆอุ่นจนทำให้เกิดฝน จากเดิมที่ต้องการใช้การโปรยสารเคมีจากเครื่องบินเท่านั้น
 
ซึ่งการใช้พลุดังกล่าวสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากกว่าการโปรยสาร 30 เปอร์เซ็นต์และมีประสิทธิภาพทำให้ฝนตกได้ดีกว่า สามารถทดแทนการใช้สารเคมีสูตรเดิมได้ถึง 150 เท่า ช่วยแก้ไขปัญหาภัยแล้งเพิ่มความชุ่มชื้นในอากาศและลดปัญหาการเกิดภัยป่าได้ดี ทั้งนี้ กระทรวงเกษตรฯเตรียมนำสูตรการทำฝนหลวงในรูปแบบดังกล่าวทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายแด่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อทรงพิจารณาสูตร  ดังกล่าวต่อไปก่อนนำไปใช้
 
ในภาวะโลกร้อนที่ทั่วโลกต่างวิตกถึงผลกระทบต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นตามมานั้น หากมีการวางมาตรการรับมือ รวมถึงเตรียมความพร้อมแก้ไขปัญหาที่ดีและเป็นระบบด้วยข้อมูลด้านวิชาการและศักยภาพของทั้งภาครัฐ รวมถึงภาคประชาชน ก็ทำให้เชื่อมั่นได้ว่าทุกคนจะร่วมกันพ้นผ่านวิกฤติภัยแล้งได้อย่างไม่ยากเย็น

ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2552
http://www.dailynews.co.th/web/html/popup_news/Default.aspx?Newsid=191043&NewsType=1&Template=1

ข่าวที่เกี่ยวข้อง
  • ทางเลือก-ทางรอดเกษตรกรรมไทยในปี 2553
  • มันสำปะหลังทุบสถิติส่งท้ายปี สูงเกินราคาประกันรัฐบาล คาดปีหน้ายังพุ่งขึ้นต่อเนื่อง
  • เตือนภัย เพลี้ยแป้งระบาดในมันสำปะหลัง
  • อียูลดค่าสีผสมอาหาร 3 ชนิด
  • สศก.เปิดเผยศึกษาลำไยนอกฤดู ยันเกษตรกรได้รับผลคุ้มค่า แนะตั้งกลุ่มส่งเสริมจริงจัง
  • โอกาสของเกษตรกรรายย่อยในการรับรองฟาร์มแบบกลุ่ม
  • มะนาวพันธุ์ 'แป้นดกพิเศษ' ดกกว่าพันธุ์แป้นรำไพ 2-3 เท่า
  • ศูนย์นวัตกรรมเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

    Postharvest Technology Innovation Center

    เทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว | ข่าวเกษตร | บทความ | ฐานข้อมูลงานวิจัย | วีดีโอ | Postharvest Technology