͢¢ԷҡѧPostharvest Technology Information NetworkPostharvest TechnologyɵҪԡ͢纺촡ɵҹŧҹԨ

แนะนำหน่วยงาน

  • หน้าหลัก
  • ประชาสัมพันธ์ศูนย์ฯ
  • ความเป็นมา
  • วัตถุประสงค์
  • โครงสร้างการบริหาร
  • คณะกรรมการอำนวยการ
  • คณะกรรมการบริหาร
  • ภาคีสถาบันอุดมศึกษาและวิจัย
  • ติดต่อศูนย์ ฯ

บริการต่าง ๆ

  • PHTNET E-Learning
  • Postharvest Newsletter
  • เครื่องมือวิทยาศาสตร์
  • ห้องปฏิบัติการ
  • รายชื่อผู้ประกอบการ
  • ฐานข้อมูลผู้เชี่ยวชาญ
  • หลักสูตรวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยว
  • รูปภาพความเสียหายหลังการเก็บเกี่ยว
  • มาตรฐานสินค้าเกษตร และระเบียบการส่งออก
  • ลิ้งค์ที่เกี่ยวข้อง

หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

  • สถาบันวิจัยเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว
  • กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
  • กรมส่งเสริมการเกตร
  • กรมวิชาการเกษตร
  • สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร
  • อุตุนิยมวิทยาเพื่อการเกษตร
  • สมาคมผู้ส่งข้าวออกต่างประเทศ
  • ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย
  • สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (สวก.)

หน้าแรก > ข่าวเกษตรประจำวัน

ซีพีเอสตั้งเป้าปี 52 ขยายปลูกพืช 3 ชนิด

เมื่อวันที่ 6 มกราคม 52

ซีพีเอสตั้งเป้าปี 52 ขยายปลูกพืช 3 ชนิด

ซีพีเอสตั้งเป้าปี 2552 ขยายพื้นที่ปลูกพืชเศรษฐกิจ 3 ชนิด เป็นข้าวลูกผสมเพิ่มเป็น 3 หมื่นไร่ ส่งเสริมปลูกปาล์มในพื้นที่นาร้างและสวนผลไม้เก่าอีก 2 หมื่นไร่ พร้อมดันมะม่วงมหาชนกส่งออกญี่ปุ่นและฮ่องกง

นายมนตรี คงตระกูลเทียน ประธานคณะผู้บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ร่วมกลุ่มธุรกิจพืชครบวงจรเครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพีเอส) กล่าวว่า ในปี 2551 ถือเป็นปีที่ราคาสินค้าเกษตรได้รับผลกระทบอย่างหนักจากความผันผวนของภาวะเศรษฐกิจโลก และราคาน้ำมันดิบ และมีแนวว่าว่ามีสินค้าเกษตรอีกหลายชนิดจะปรับตัวลดลงในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2552 แต่กระนั้นเชื่อมั่นว่า ยังมีสินค้าเกษตรอีกหลายชนิดยังมีความได้เปรียบ และมีศักยภาพในการการส่งออก หากได้รับการพัฒนานำนวัตกรรมใหม่ที่เหมาะสมมาใช้ ดังนั้นในปี 2552 ซีพีเอสมีนโยบายส่งเสริมให้เกษตรกรใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ ที่เหมาะสม มาใช้ในการเกษตร โดยเฉพาะในส่วนของข้าวซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศ โดยซีพีเอสตั้งเป้าจะเพิ่มการส่งเสริมพื้นที่ปลูกข้าวลูกผสม ซีพี 304 ซึ่งมีผลผลิตเฉลี่ยไร่ละ 1,000 กก. จากปีที่แล้ว 3,000 ไร่เป็น 3 หมื่นไร่ ในเขตชลประทานของภาคเหนือตอนล่าง

นอกจากนี้จะส่งเสริมการปลูกปาล์มน้ำมันทดแทนในพื้นที่สวนผลไม้เก่า และนาร้างทั่วประเทศ  2 หมื่นไร่ เป็นภาคใต้ 1 หมื่นไร่ ภาคตะวันออก  5,000 ไร่ และภาคกลาง แทนสวนส้มเก่าใน จ.ปทุมธานี สระบุรี และนครนายก อีก 5,000 ไร่ เพื่อเป็นแหล่งผลิตปาล์มคุณภาพรองรับนโยบายพัฒนาพลังงานทดแทน พร้อมกับจะผลิตเมล็ดพันธุ์ปาล์มคุณภาพดี "โกลเด้น เทเนอร่า" อีก 4 แสนเมล็ด และจะมีการพัฒนาระบบการสกัดน้ำมันปาล์มแบบไม่ใช้ไอน้ำขนาด 1 ตันผลปาล์มต่อชั่วโมง เพื่อเป็นทางเลือกให้แก่กลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกปาล์ม เพราะเชื่อว่าครึ่งหลังปี 2552 ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกจะปรับตัวขึ้น ภาวะเศรษฐกิจโลกจะสู่ภาวะปกติ

"ในเรื่องของมะม่วงส่งออกที่เราทำอยู่แล้ว ในปีนี้ เรามีแผนที่จะขยายการส่งออกมะม่วงไปยังตลาดญี่ปุ่นและฮ่องกงซึ่งเป็นตลาดหลัก โดยเน้นมะม่วงพันธุ์มหาชนก จากเดิมที่ส่งออกมะม่วงพันธุ์น้ำดอกไม้เพียงพันธุ์เดียว เพราะมะม่วงพันธุ์มหาชนกให้ผลผลิตเฉลี่ยสูงถึง 2 ตันต่อไร่ และผลิตได้ทั้งปี" นายมนตรีกล่าว

ที่มา : หนังสือพิมพ์คม ชัด ลึก วันที่ 6 มกราคม 2552
http://www.komchadluek.net/2009/01/06/x_agi_b001_330080.php?news_id=330080

ข่าวที่เกี่ยวข้อง
  • ทางเลือก-ทางรอดเกษตรกรรมไทยในปี 2553
  • มันสำปะหลังทุบสถิติส่งท้ายปี สูงเกินราคาประกันรัฐบาล คาดปีหน้ายังพุ่งขึ้นต่อเนื่อง
  • เตือนภัย เพลี้ยแป้งระบาดในมันสำปะหลัง
  • อียูลดค่าสีผสมอาหาร 3 ชนิด
  • สศก.เปิดเผยศึกษาลำไยนอกฤดู ยันเกษตรกรได้รับผลคุ้มค่า แนะตั้งกลุ่มส่งเสริมจริงจัง
  • โอกาสของเกษตรกรรายย่อยในการรับรองฟาร์มแบบกลุ่ม
  • มะนาวพันธุ์ 'แป้นดกพิเศษ' ดกกว่าพันธุ์แป้นรำไพ 2-3 เท่า
  • ศูนย์นวัตกรรมเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

    Postharvest Technology Innovation Center

    เทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว | ข่าวเกษตร | บทความ | ฐานข้อมูลงานวิจัย | วีดีโอ | Postharvest Technology