͢¢ԷҡѧPostharvest Technology Information NetworkPostharvest TechnologyɵҪԡ͢纺촡ɵҹŧҹԨ

แนะนำหน่วยงาน

  • หน้าหลัก
  • ประชาสัมพันธ์ศูนย์ฯ
  • ความเป็นมา
  • วัตถุประสงค์
  • โครงสร้างการบริหาร
  • คณะกรรมการอำนวยการ
  • คณะกรรมการบริหาร
  • ภาคีสถาบันอุดมศึกษาและวิจัย
  • ติดต่อศูนย์ ฯ

บริการต่าง ๆ

  • PHTNET E-Learning
  • Postharvest Newsletter
  • เครื่องมือวิทยาศาสตร์
  • ห้องปฏิบัติการ
  • รายชื่อผู้ประกอบการ
  • ฐานข้อมูลผู้เชี่ยวชาญ
  • หลักสูตรวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยว
  • รูปภาพความเสียหายหลังการเก็บเกี่ยว
  • มาตรฐานสินค้าเกษตร และระเบียบการส่งออก
  • ลิ้งค์ที่เกี่ยวข้อง

หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

  • สถาบันวิจัยเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว
  • กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
  • กรมส่งเสริมการเกตร
  • กรมวิชาการเกษตร
  • สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร
  • อุตุนิยมวิทยาเพื่อการเกษตร
  • สมาคมผู้ส่งข้าวออกต่างประเทศ
  • ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย
  • สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (สวก.)

หน้าแรก > ข่าวเกษตรประจำวัน

หนอนชอนใต้ผิวเปลือกลองกอง

เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 52

หนอนชอนใต้ผิวเปลือกลองกอง กิ่งหรือลำต้นของลองกองเป็นสะเก็ดและมีขุยคล้ายเศษไม้ผุ ๆ รอบกิ่งหรือลำต้น เปลือกไม้มีรอยแตก หรือเผยอจากเนื้อไม้ กิ่งและลำต้นอยู่ในสภาพที่ทรุดโทรม เป็นเพราะอะไรและแก้ไขอย่างไรดี ?

แน่นอนว่าอาการนี้คือหนอนชอนใต้ผิวเปลือกต้นลองกองนั้นเอง ซึ่งนับเป็นศัตรูที่สำคัญที่สุดของลองกอง เป็นตัวอ่อนของผีเสื้อที่จะอาศัยและกัดกินอยู่ใต้ผิวเปลือกลองกอง การกัดกินหากอยู่ในช่วงที่ตาดอกกำลังพัฒนาจะเป็นการทำลายฐานตาดอก ทำให้ตาดอกเหี่ยวแห้งและร่วงหล่นไป หากระบาดทำลายมาก ๆ ลองกองจะทรุดโทรมจนไม่สามารถให้ผลผลิตในปีต่อ ๆ ไปได้
 
การป้องกันกำจัด ผู้รู้แนะนำมาว่าให้ใช้วิธีผสมผสาน คือการเลี้ยงศัตรูธรรมชาติ ที่ชอบกินหนอนไว้ในสวน และตามต้นลองกอง เช่น มดง่าม โดยใช้มูลสัตว์ กากมะพร้าว หรือผลมะพร้าวผ่าซีกเป็นตัวล่อมดง่ามให้เข้ามาขยายพันธุ์และจับกินตัวหนอนและดักแด้เป็นอาหาร ให้กิ้งก่าอาศัยอยู่ในสวน และตามต้นลองกองโดยไม่ปล่อยให้คนงานจับกิ้งก่ามากินเป็นอาหาร งดพ่นสารเคมีกำจัดวัชพืชในสวนลองกอง ให้ใช้วิธีตัดหรอดายหญ้าแทนเพื่อจะได้ไม่ทำลายศัตรูธรรมชาติที่ไปจับกินหนอน ถ้าพบการทำลายในช่วงที่อากาศมีความชื้นสูง หรือมีฝนตกบ้างให้ฉีดพ่นด้วยไส้ เดือนฝอย และควรพ่นในตอนเย็น (หลัง 5 โมงเย็น) หรือวันที่ฝนตกพรำ ๆ เพราะไส้เดือนฝอยจะมีชีวิตและเคลื่อนไหวได้ในที่ที่มีความชื้น ตัวหนอนที่มีไส้เดือนฝอยเข้าไปเจริญเติบโตอยู่ภายในจะตายภายใน 24-48 ชั่วโมง.

ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2552
http://www.dailynews.co.th/web/html/popup_news/Default.aspx?Newsid=190752&NewsType=1&Template=1

ข่าวที่เกี่ยวข้อง
  • ทางเลือก-ทางรอดเกษตรกรรมไทยในปี 2553
  • มันสำปะหลังทุบสถิติส่งท้ายปี สูงเกินราคาประกันรัฐบาล คาดปีหน้ายังพุ่งขึ้นต่อเนื่อง
  • เตือนภัย เพลี้ยแป้งระบาดในมันสำปะหลัง
  • อียูลดค่าสีผสมอาหาร 3 ชนิด
  • สศก.เปิดเผยศึกษาลำไยนอกฤดู ยันเกษตรกรได้รับผลคุ้มค่า แนะตั้งกลุ่มส่งเสริมจริงจัง
  • โอกาสของเกษตรกรรายย่อยในการรับรองฟาร์มแบบกลุ่ม
  • มะนาวพันธุ์ 'แป้นดกพิเศษ' ดกกว่าพันธุ์แป้นรำไพ 2-3 เท่า
  • ศูนย์นวัตกรรมเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

    Postharvest Technology Innovation Center

    เทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว | ข่าวเกษตร | บทความ | ฐานข้อมูลงานวิจัย | วีดีโอ | Postharvest Technology