͢¢ԷҡѧPostharvest Technology Information NetworkPostharvest TechnologyɵҪԡ͢纺촡ɵҹŧҹԨ

แนะนำหน่วยงาน

  • หน้าหลัก
  • ประชาสัมพันธ์ศูนย์ฯ
  • ความเป็นมา
  • วัตถุประสงค์
  • โครงสร้างการบริหาร
  • คณะกรรมการอำนวยการ
  • คณะกรรมการบริหาร
  • ภาคีสถาบันอุดมศึกษาและวิจัย
  • ติดต่อศูนย์ ฯ

บริการต่าง ๆ

  • PHTNET E-Learning
  • Postharvest Newsletter
  • เครื่องมือวิทยาศาสตร์
  • ห้องปฏิบัติการ
  • รายชื่อผู้ประกอบการ
  • ฐานข้อมูลผู้เชี่ยวชาญ
  • หลักสูตรวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยว
  • รูปภาพความเสียหายหลังการเก็บเกี่ยว
  • มาตรฐานสินค้าเกษตร และระเบียบการส่งออก
  • ลิ้งค์ที่เกี่ยวข้อง

หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

  • สถาบันวิจัยเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว
  • กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
  • กรมส่งเสริมการเกตร
  • กรมวิชาการเกษตร
  • สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร
  • อุตุนิยมวิทยาเพื่อการเกษตร
  • สมาคมผู้ส่งข้าวออกต่างประเทศ
  • ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย
  • สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (สวก.)

หน้าแรก > ข่าวเกษตรประจำวัน

หวั่นปลุกผีสารเคมีระบาด คุมเข้มเกษตรอินทรีย์ตี ตราสมุนไพร 13 ชนิด

เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 52

หวั่นปลุกผีสารเคมีระบาด คุมเข้มเกษตรอินทรีย์ตี ตราสมุนไพร 13 ชนิด

นายสมชาย ชาญณรงค์กุล อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าวว่า ขณะนี้ประชาชนทั่วไปกำลังเกิดความสับสนเกี่ยวกับประกาศของกระทรวงอุตสาหกรรมในราชกิจจานุเบกษาเรื่องบัญชีรายชื่อวัตถุอันตราย (ฉบับที่ 6) พ.ศ.2552 มีผลบังคับใช้วันที่ 3 ก.พ.ที่ผ่านมา อาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย ซึ่งกระทรวงอุตสาหกรรมเป็นผู้ดูแล โดยบัญชีแนบท้ายของประกาศดังกล่าวกำหนดให้ผลิตภัณฑ์จากชิ้นส่วนพืช ซึ่งไม่ผ่านกรรมวิธีที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางเคมีเฉพาะที่นำไปใช้ป้องกันกำจัด ทำลาย ควบคุม แมลง วัชพืช โรคพืช ศัตรูพืช หรือควบคุมการเจริญเติบโตของพืช ได้แก่ สะเดา ตะไคร้หอม ขมิ้นชัน ขิง ข่า ดาวเรือง สาบเสือ กากเมล็ดชา พริก ขึ้นฉ่าย ชุมเห็ดเทศ ดองดึง และหนอนตายหยาก เป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 1 ซึ่งยืนยันว่าจะไม่กระทบกับวงการพืชสมุนไพรไทยแต่อย่างใด

ทั้งนี้ ตามพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย มาตรา 18 ได้กำหนดประเภทวัตถุอันตรายไว้ 4 ชนิดคือ ชนิดที่ 1 วัตถุอันตรายที่การผลิต การนำเข้า การส่งออก หรือการมีไว้ในครอบครองต้องแจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบเมื่อจะจำหน่าย 2. วัตถุอันตรายที่ต้องขึ้นทะเบียน 3. วัตถุอันตรายที่ต้องควบคุมอย่างเข้มข้น ทั้งขึ้นทะเบียนและทดสอบความเป็นพิษ และ 4. วัตถุอันตรายที่ห้ามไม่ให้มีการผลิต นำเข้า ส่งออกหรือมีไว้ในครอบครอง จะเห็นว่าพืชทั้ง 13 ชนิดที่ประกาศเป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 1 นั้นเป็นชนิดที่ควบคุมระดับต่ำที่สุดหรือผ่อนคลายที่สุด เพราะกำหนดให้แจ้งเมื่อจะผลิตเพื่อจำหน่ายเท่านั้น ไม่ได้เข้าไปควบคุมให้ต้องขึ้นทะเบียนหรือทดสอบทางพิษวิทยาแต่อย่างใด “ที่ผ่านมาไม่ได้กำหนดให้พืชทั้ง 13 ชนิดเป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 1 จึงเกิดปัญหาว่าเมื่อจะผลิตเพื่อการค้า เช่น สะเดากำจัดศัตรูพืช จะต้องผ่านกระบวนการทดสอบทางพิษวิทยา และมีขั้นตอนที่ยุ่งยาก เหมือนกับการทดสอบสารเคมีตัวหนึ่งแต่เมื่อประกาศเป็นประเภทที่ 1 เพียงแค่แจ้งว่าจะผลิตเพื่อจำหน่าย ก็สามารถดำเนินการได้ทันที เป็นการอำนวยความสะดวกให้พืชสมุนไพรที่จะผลิตเป็นยากำจัดศัตรูพืชวางตลาดได้มากที่สุดด้วยซ้ำ และยังป้องกันไม่ให้เกิดการหลอกลวงผู้บริโภค เช่น นำพืชมาบดใส่ถุงจำหน่ายแล้วอ้างว่าสามารถกำจัดศัตรูพืชได้ เป็นต้น”

ด้านนายจิรากร โกศัยเสวี รองอธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าวว่า ขณะนี้กรมวิชาการเกษตรกำลังอยู่ระหว่างจัดทำแบบฟอร์มเพื่อเสนอเป็นประกาศของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยระบุให้ผู้ที่จะทำผลิตภัณฑ์กำจัดศัตรูพืชจากพืชทั้ง 13 ชนิดเพื่อจำหน่าย จะต้องกรอกรายละเอียดของส่วนผสมเบื้องต้น และต้องมีชื่อทางการค้า สถานที่ผลิต ปริมาณ ชื่อสารที่มีอยู่ในพืชชนิดนั้น อย่างไรก็ตาม หากไม่ได้ผลิตเพื่อการค้า แต่ผลิตเพื่อใช้เองหรือใช้ภายในกลุ่มก็ไม่ต้องแจ้ง หรือใช้ในวงการอื่น เช่น เป็นยาสมุนไพร เสริมสวย เพื่อสุขภาพหรือบริโภค ก็ไม่ต้องแจ้งเช่นกัน เพราะระบุไว้ชัดเจนแล้วว่าผลิตเพื่อกำจัดศัตรูพืช โรคพืช หรือควบคุมการเติบโตของพืชเท่านั้นที่ต้องแจ้ง

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า คงต้องติดตามการประกาศเพิ่มเติมของกระทรวงเกษตรฯต่อไป ว่าจะมีรายละเอียดที่กำหนดให้ผู้ผลิตผลิตภัณฑ์กำจัดศัตรูพืช จากพืชทั้ง 13 ชนิดต้องระบุหรือปฏิบัติอย่างไรบ้าง เนื่องจากประกาศดังกล่าวอาจก่อให้เกิดอุปสรรคต่อการเติบโตของกระบวนการกำจัดศัตรูพืชโดยใช้เกษตรอินทรีย์โดยตรง และเป็นการสร้างความแข็งแกร่งให้แก่ระบบกำจัดศัตรูพืชที่ใช้สารเคมีแบบเก่า

ส่วนนายรัชดา สิงคลาวณิช อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) กล่าวชี้แจงถึงกรณีที่มีการประกาศพืชสมุนไพรไทย 13 ชนิดขึ้นบัญชีเป็นวัตถุอันตรายว่า การดำเนินงานดังกล่าวเป็นไปตามความประสงค์ของกรมวิชาการเกษตร เนื่องจากมีการร้องเรียนให้มีการควบคุม เนื่องจากเกรงว่าจะมีการนำสารเคมีอื่นๆมาปะปนแล้วเป็นอันตรายต่อบุคคล พืชและสัตว์ รวมถึงสิ่งแวดล้อม “ผมมองว่าในเชิงการจัดการคุณภาพ ก็เห็นว่าเรื่องดังกล่าวควรทำให้ถูกต้อง เพราะหากมีการนำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้าน แล้วนำมาผลิตเพื่อการส่งออก ก็จะทำให้ไม่ได้มาตรฐาน ซึ่งขั้นตอนทั้งหมดจะไม่เกี่ยวข้องกับกระทรวงอุตสาหกรรมแต่อย่างใด เพราะหน่วยงานที่รับผิดชอบหลักในการดูแลจากนี้ คือกรมวิชาการเกษตร”.

ที่มา : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ วันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2552
http://www.thairath.co.th/news.php?section=economic&content=123183

ข่าวที่เกี่ยวข้อง
  • ทางเลือก-ทางรอดเกษตรกรรมไทยในปี 2553
  • มันสำปะหลังทุบสถิติส่งท้ายปี สูงเกินราคาประกันรัฐบาล คาดปีหน้ายังพุ่งขึ้นต่อเนื่อง
  • เตือนภัย เพลี้ยแป้งระบาดในมันสำปะหลัง
  • อียูลดค่าสีผสมอาหาร 3 ชนิด
  • สศก.เปิดเผยศึกษาลำไยนอกฤดู ยันเกษตรกรได้รับผลคุ้มค่า แนะตั้งกลุ่มส่งเสริมจริงจัง
  • โอกาสของเกษตรกรรายย่อยในการรับรองฟาร์มแบบกลุ่ม
  • มะนาวพันธุ์ 'แป้นดกพิเศษ' ดกกว่าพันธุ์แป้นรำไพ 2-3 เท่า
  • ศูนย์นวัตกรรมเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

    Postharvest Technology Innovation Center

    เทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว | ข่าวเกษตร | บทความ | ฐานข้อมูลงานวิจัย | วีดีโอ | Postharvest Technology