อัตราการหายใจภายหลังการเก็บเกี่ยวและการเปลี่ยนแปลงปริมาณกรดแอสคอร์บิก ของผลมะสังสดในระหว่างการเก็บรักษา
ปลายมณี บุราณ พรพิมล ไชยวงษ์1 สุกัญญา บุญตะนัย1 เรวัติ ชัยราช1, กฤตยา อุทโธ ,4 และวีรเวทย์ อุทโธ
วารสารวิทยาศาสตร์เกษตร 55(2) (พิเศษ): 157-161. (2567)
2567
บทคัดย่อ
มะสัง (Feroniella lucida (Scheff.) Swingle) เป็นผลไม้พื้นบ้านมีเปลือกแข็งแต่มีเนื้อนุ่มและรสเปรี้ยว รับประทานในรูปผลสดหรือเครื่องดื่ม การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาอัตราการหายใจของผลมะสังสดภายหลังการเก็บเกี่ยวที่สัมพันธ์กับอุณหภูมิเก็บรักษา 8-35 °C และการเปลี่ยนแปลงปริมาณกรดแอสคอร์บิกในการเก็บรักษานาน 10 วัน ผลการวิจัย พบว่า อัตราการหายใจของมะสังสดเก็บรักษาที่อุณหภูมิ 35 °C มีค่าสูงกว่าผลเก็บที่อุณหภูมิต่ำกว่า การเพิ่มขึ้นของอัตราการหายใจสัมพันธ์กับการเพิ่มของอุณหภูมิการเก็บรักษาในรูปแบบของเอกซ์โพเนนเชียล (exponential) ความสัมพันธ์นี้สามารถทำนายได้ดีด้วยสมการอาร์รีเนียส (Arrhenius model) โดยมีค่า R2 และค่า activation energy (EarfrAA) เท่ากับ 0.98 และ 16.03 kJ mol-1 ตามลำดับ ปริมาณกรดแอสคอร์บิกในทุกสิ่งทดลองลดลงอย่างต่อเนื่องจากค่าเริ่มต้น (80.20 mg 100 g-1) โดยปริมาณกรดแอสคอร์บิกในผลิตผลที่ 35 °C มีอัตราลดลงเร็วกว่าที่อุณหภูมิอื่นๆ และลดลง 8.90 เท่าภายใน 5 วัน ในขณะที่ปริมาณกรดแอสคอร์บิกในผลเก็บรักษาที่อุณหภูมิ 8 และ 25 °C ลดลง 3.89 และ 7.29 เท่า ณ วันที่ 10 ตามลำดับ การเปลี่ยนแปลงปริมาณกรดแอสคอร์บิกทำนายได้ดีด้วยสมการ first-order fractional conversion model (FOFC model) ซึ่งมีค่า R2 อยู่ในช่วง 0.97-0.99 ค่าสัมประสิทธิ์ของ FOFC model มีค่าเพิ่มขึ้นในรูปแบบเอกซ์โพเนนเชียลเมื่ออุณหภูมิเพิ่มขึ้น และสามารถทำนายความสัมพันธ์นี้ได้ดีด้วยสมการอาร์รีเนียส โดยมีค่า R2 และ EarfrAA
เท่ากับ 0.98 และ 86.21 kJ mol-1 ตามลำดับ ข้อมูลจากการวิจัยนี้สามารถนำไปใช้เพื่อพิจารณาการออกแบบการบรรจุภัณฑ์สำหรับเก็บรักษาต่อไป เพื่อชะลอการเสื่อมสภาพหลังการเก็บเกี่ยวของมะสังสด ที่มีแนวโน้มเกิดขึ้นได้เร็วในสภาวะอุณหภูมิห้อง