ผลของการใช้ปุ๋ยเคมีต่อคุณภาพและผลผลิตหลังการเก็บเกี่ยวดอกดาวเรืองพันธุ์ฮันนี่โกลด์
ละอองศรี ศิริเกษร ธัญญลักษณ์ พลายบัว และ อรุณี คงสอน
วารสารวิทยาศาสตร์เกษตร 55(2) (พิเศษ): 147-151. (2567)
2567
บทคัดย่อ
ปัจจัยสำคัญที่ทำให้การผลิตดาวเรืองมีคุณภาพและปริมาณที่เหมาะสม คือปริมาณธาตุอาหารที่เพียงพอต่อการเจริญเติบโตและออกดอก งานวิจัยนี้ทำการทดสอบผลของการใช้ปุ๋ยเคมีในอัตราต่างกัน ต่อผลผลิตของดอกดาวเรืองพันธุ์ฮันนี่ โกลด์ ที่ปลูกในช่วงฤดูหนาว และฤดูร้อน วางแผนการทดลองแบบสุ่มสมบูรณ์ในบล็อค (RCBD) 4 ทรีทเมนต์ จำนวน 4 ซ้ำ ประกอบด้วย 1) ใส่ปุ๋ยสูตร 15-15-15 อัตรา 16.6 กรัม/ต้น (T1) 2) ใส่ปุ๋ยสูตร 15-15-15 อัตรา 33.2 กรัม/ต้น (T2) 3) ใส่ปุ๋ยสูตร 15-15-15 อัตรา 49.8 กรัม/ต้น (T3) 4) ใส่ปุ๋ยสูตร 15-15-15 อัตรา 8.3 กรัม/ต้น + ใบจามจุรีหมัก 50 กรัม/ต้น (T4) ผลการทดลองในช่วงฤดูหนาว พบว่ามีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (P < 0.05) ของจำนวนผลผลิตดอกดาวเรือง โดยการใช้ปุ๋ยแบบ T3 ส่งผลให้มีจำนวนดอก/ต้น สูงที่สุด 47.92±0.76 ดอก รองลงมาคือ T2, T1 และ T4 (35.67±1.04, 29.33±2.02 และ 20.50±1.32 ดอก ตามลำดับ) ในส่วนของผลการทดลองช่วงฤดูร้อน พบว่าการใช้ปุ๋ยแบบ T3 มีจำนวนดอก/ต้น สูงที่สุด 28.50±1.98 ดอก ส่วนการใช้ปุ๋ยแบบ T1, T2 และ T4 จำนวนดอกต่อต้น ไม่มีความแตกต่างกันทางสถิติ (20.17±2.50, 20.67±0.95 และ 18.50±1.15 ดอก ตามลำดับ) นอกจากนี้ยังพบว่าการจัดการปุ๋ยทั้ง 4 แบบ ไม่ส่งผลกระทบให้เกิดความแตกต่างของสีดอก และการสูญเสียน้ำของดอกดาวเรืองทั้งที่ปลูกในช่วงฤดูหนาวและฤดูร้อน เมื่อเก็บรักษาที่อุณภูมิ 5±2 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 9 วัน