ศูนย์นวัตกรรมเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว

การศึกษาเปรียบเทียบการใช้ผลผลิตจากจุลินทรีย์ สมุนไพรผสมไบโอโทนิค โคลีนคลอไรด์ และเบต้า-อะโกนิสต์ต่อคุณภาพของเนื้อสุกร

คาร เจตยะคามิน

วิทยานิพนธ์ (วท.ม. (เกษตรศาสตร์)) สาขาสัตวบาล มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์, 2541. 62 หน้า.

2541

บทคัดย่อ

  การศึกษาเปรียบเทียบผลการใช้ผลผลิตจากจุลินทรีย์ สมุนไพรผสมไบโอโทนิค โคลีนคลอไรด์ และเบต้า-อะโกนิสต์ต่อคุณภาพของเนื้อสุกร ทำการศึกษาในสุกรพันธุ์ ลาร์จไวท์ เพศผู้ตอน จำนวน 42 ตัว น้ำหนักประมาณ 30 กิโลกรัม สุ่มให้กินอาหารทดลอง 7 กลุ่ม กลุ่ม 1 : อาหารควบคุม กลุ่ม 2 : อาหารเสริมผลผลิตจากจุลินทรีย์ 1 เปอร์เซ็นต์ กลุ่ม 3 : อาหารเสริมสมุนไพรผสม 0.1 เปอร์เซ็นต์ กลุ่ม 4 : อาหารเสริมไบโอโทนิค 0.2 เปอร์เซ็นต์ กลุ่ม 5 : อาหารเสริมโคลีนคลอไรด์ 0.15 เปอร์เซ็นต์ กลุ่ม 6 และ กลุ่ม 7 : อาหารเสริมซัลบูทามอล เมื่อสุกรมีน้ำหนัก 70 กิโลกรัมจนสิ้นสุดการทดลอง ที่ระดับ 8 ppm. และ 12 ppm. ตามลำดับ และทำการฆ่าและชำแหละสุกรทุกตัว เมื่อมีน้ำหนัก 100 กิโลกรัม โดยเก็บเลือดเพื่อตรวจค่า CBC (Complete Blood Count) และค่าไขมัน (lipid profile), เก็บตัวอย่างเนื้อสะโพก เนื้อสั้นนอก เนื้อสันใน เพื่อศึกษาคุณค่าทางอาหารและเก็บไขมันใต้ผิวหนังส่วนหลังของสุกร เพื่อศึกษาองค์ประกอบกรดไขมันและปริมาณคลอเรสเตอรอล พบว่าสุกรทุกกลุ่มมีค่า CBC ในพลาสมาและคุณค่าทางอาหารของเนื้อสุกรทั้ง 3 ส่วนไม่แตกต่างกัน โดยสุกรกลุ่มที่เสริมสมุนไพรผสม, ไบโอโทนิค หรือ โคลีนคลอไรด์ มีค่าปริมาณคลอเรสเตอรอลในไขมันใต้ผิวหลังของสุกรต่ำกว่ากลุ่มควบคุมและกลุ่มเสริมซัลบูทามอล แต่ไม่แตกต่างกันทางสถิติ โดยสุกรกลุ่มที่เสริมโคลีนคลอไรด์จะมีค่าปริมาณคลอเรสเตอรอลในพลาษมาต่ำกว่าสุกรทุกกลุ่ม (p<0.01) และเมื่อพิจารณาองค์ประกอบกรดไขมันใต้ผิวหนังส่วนหลัง พบว่า สุกรที่เสริมโคลีนคลอไรด์ และกลุ่มควบคุมจะมีค่าผลรวมเปอร์เซ็นต์กรดไขมันอิ่มตัวสูงกว่ากลุ่มที่เสริมซัลบูทามอล และมีค่าผลรวมเปอร์เซ็นต์กรดไขมันไม่อิ่มตัวต่ำกว่ากลุ่มที่เสริมซัลบูทามอล (p<0.01) จึงสรุปได้ว่าการเสริมผลผลิตจากจุลินทรีย์, สมุนไพรผสม, ไบโอโทนิค,
โคลีนคลอไรด์ หรือเบต้า-อะโกนิสต์ในสูตรอาหารของสุกร จะไม่มีผลต่อคุณภาพของเนื้อสุกร อย่างไรก็ตามควรมีการศึกษาเพิ่มเติมถึงปริมาณคลอเรสเตอรอลในเนื้อสุกรด้วย