บทคัดย่องานวิจัย

การศึกษาขนาดของหัวพันธุ์ การเก็บรักษาหัวพันธุ์ และการปรับปรุงคุณภาพหลังการเก็บเกี่ยวดอกว่านมหาลาภ

สุพจน์ เพ็ชรบุรี

วิทยานิพนธ์ (วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต เกษตรศาสตร์ (สาขาพืชสวน)) มหวิทยาลัยเชียงใหม่, 2537. 118 หน้า.

2537

บทคัดย่อ

การศึกษาขนาดของหัวพันธุ์ การเก็บรักษาหัวพันธุ์ และการปรับปรุงคุณภาพหลังการเก็บเกี่ยวดอกว่านมหาลาภ

            การศึกษาขนาดของหัวพันธุ์ว่านมหาลาภที่สามารถให้ดอกได้  โดยการศึกษาลักษณะปลายยอดของหัวพันธุ์ที่อยู่ในระยะพักตัว  พบว่าหัวพันธุ์ที่มีขนาดเส้นรอบวง  3.1-5.0  และ  5.1-7.0  ซม.  ไม่มีการสร้างช่อดอกที่ปลายยอด  หัวพันธุ์ขนาด  7.1-9.0  และ  9.1-11.0  ซม.  บางหัวมีการสร้างช่อดอกที่ปลายยอด  ส่วนหัวพันธุ์ขนาด  11.1-13.0  และ  13.1-15.0  ซม.  มีการสร้างช่อดอกที่สมบูรณ์ทุกหัว

            การเก็บรักษาหัวพันธุ์ที่อุณหภูมิ   5Oซ.  และ  10Oซ เปรียบเทียบกับที่อุณหภูมิห้อง พบว่า  หัวพันธุ์ที่เก็บรักษาไว้ที่  5Oซ.  และ   10Oซ.  สามารถเก็บไว้ได้นาน  15  สัปดาห์  โดยมีการเปลี่ยนแปลงของช่อดอกที่อยู่ภายในหัวพันธุ์เล็กน้อย  หัวพันธุ์ที่เก็บรักษาที่อุณหภูมิห้องเก็บไว้ได้เพียง  3 สัปดาห์  ก็จะหมดระยะพักตัว  และงอกช่อดอกออกมา  หัวพันธุ์ที่เก็บรักษาที่อุณหภูมิ  5Oซ.  เมื่อนำไปปลูกในแปลงมีแต่การเจริญเติบโตทางใบ  เนื่องจากช่อดอกฝ่อไป  แต่หัวพันธุ์ที่เก็บรักษาที่อุณหภูมิ  10Oซ.  เมื่อนำไปปลูก  สามารถให้ช่อดอกเป็นปกติ

            การศึกษาการปรับปรุงคุณภาพหลังการเก็บเกี่ยวของช่อดอกว่านมหาลาภ  พบว่า  สามารถตัดช่อดอกในระยะที่ดอกยังตูมอยู่ได้  และให้ดอกย่อยบานในแจกันที่บรรจุน้ำยาช่วยปรับปรุงคุณภาพของช่อดอก  โดยที่น้ำยาปักแจกัน  ที่เหมาะสมคือ  น้ำยาที่มีส่วนผสมของน้ำตาลทรายขาว  10 %  ร่วมกับ  8-HQS  300  สตล  ส่วนการศึกษาผลของสารเคมีชนิดอื่น ๆ  ที่จะใช้เป็นองค์ประกอบร่วมในน้ำยาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของน้ำยานั้น  พบว่าการใช้ซิลเวอร์ไนเตรท  25-50  สตล  หรือกรดซิตริค  500  สตล  หรือไคเนติน  60  สตล  ร่วมกับน้ำตาลทรายขาว   10%  และ  8-HQS 300  สตล  จะให้จำนวนดอกย่อยที่สามารถบานได้ทั้งหมดต่อช่อ  จำนวนดอกย่อยที่บานในช่อในเวลาเดียวกัน  และมีอายุการปักแจกันเพิ่มขึ้น  ส่วนการใช้อลูมิเนียมซัลเฟต  50  และ  100  สตล  หรือกรดเบนโซอิค  250  และ  500  สตล  ในลักษณะเดียวกัน  ไม่ช่วยปรับปรุงคุณภาพหลังการเก็บเกี่ยวของช่อดอก

            การศึกษาวิธีเก็บรักษาช่อดอกแบบแห้งที่อุณหภูมิ  2Oซ.  ร่วมกับกรรมวิธีการพัลซิ่งในน้ำยาที่มีส่วนประกอบของน้ำตาลทรายขาว  10 %  และ  8-HQS  สตล  เป็นเวลา  24  ชั่วโมง  ก่อนการเก็บรักษา  พบว่าการเก็บรักษาดังกล่าว  ไม่ให้ผลดีต่อคุณภาพของช่อดอกเมื่อนำมาทดสอบหลังการเก็บรักษาไม่ว่าจะทดสอบที่ 2  หรือ  4 วันหลังการเก็บรักษา  ส่วนการเก็บรักษาแบบแห้งที่อุณหภูมิห้องร่วมกับกรรมวิธีการให้ก้านช่อดอกได้รับน้ำเป็นเวลา  12  ชั่วโมง  ก่อนการเก็บรักษานั้น  พบว่าช่อดอกที่ผ่านการให้น้ำและเก็บรักษาไว้นาน  2  วัน  จะมีคุณภาพหลังการทดสอบในแจกันไม่แตกต่างจากกรรมวิธีควบคุม  ส่วนช่อดอกที่เก็บไว้นาน  4 วัน  จะเสียคุณภาพไป