͢¢ԷҡѧPostharvest Technology Information NetworkPostharvest TechnologyɵҪԡ͢纺촡ɵҹŧҹԨ

แนะนำหน่วยงาน

  • หน้าหลัก
  • ประชาสัมพันธ์ศูนย์ฯ
  • ความเป็นมา
  • วัตถุประสงค์
  • โครงสร้างการบริหาร
  • คณะกรรมการอำนวยการ
  • คณะกรรมการบริหาร
  • ภาคีสถาบันอุดมศึกษาและวิจัย
  • ติดต่อศูนย์ ฯ

บริการต่าง ๆ

  • PHTNET E-Learning
  • Postharvest Newsletter
  • เครื่องมือวิทยาศาสตร์
  • ห้องปฏิบัติการ
  • รายชื่อผู้ประกอบการ
  • ฐานข้อมูลผู้เชี่ยวชาญ
  • หลักสูตรวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยว
  • รูปภาพความเสียหายหลังการเก็บเกี่ยว
  • มาตรฐานสินค้าเกษตร และระเบียบการส่งออก
  • ลิ้งค์ที่เกี่ยวข้อง

หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

  • สถาบันวิจัยเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว
  • กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
  • กรมส่งเสริมการเกตร
  • กรมวิชาการเกษตร
  • สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร
  • อุตุนิยมวิทยาเพื่อการเกษตร
  • สมาคมผู้ส่งข้าวออกต่างประเทศ
  • ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย
  • สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (สวก.)

หน้าแรก > ข่าวเกษตรประจำวัน

แปรรูปปาล์มน้ำมัน โรงกลั่นสีเขียว

เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 53

แปรรูปปาล์มน้ำมัน โรงกลั่นสีเขียว

ไบโอดีเซล หรือน้ำมันโซล่าผสมน้ำมันปาล์ม ทั้งบี 2 บี 3 และบี 5 เป็นเชื้อเพลิงที่ช่วยลดมลพิษทางอากาศ และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพราะผลิตจากพืช แต่ในขั้นตอนการหีบคั้นเอาน้ำมันจากปาล์ม กลับต้องลงทุนสูง มีภาระค่าพลังงานที่ต้องใส่ใจและได้ของเสีย ซึ่งไม่พึงประสงค์ปนออกมาด้วย

สมชาย สิทธิโชค ประธานกรรมการบริษัทปาล์มโมริช ซึ่งทำธุรกิจแปรรูปปาล์มน้ำมัน ที่ อ.เขาพนม จ.กระบี่ มีความพยายามจะเอาชนะปัญหาสำคัญที่เผชิญ คือการแปรรูปปาล์มให้ได้น้ำมัน มีขั้นตอนที่ทำในโรงงานระบบไอน้ำ ที่ต้องต้มน้ำใช้ไอน้ำนึ่งเพื่อแยกผลออกจากทะลายปาล์ม และประสบความสำเร็จในที่สุด เมื่อได้ร่วมมือกับ ดร.กนก คติการ นักวิชาการหัวหน้าโครงการวิจัย ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยได้รับทุนสนับสนุนจากสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ทำโครงการศึกษาเปรียบเทียบแนวทางการเพิ่มประสิทธิภาพการแปรรูปน้ำมันปาล์ม แบบไม่ใช้ไอน้ำที่จะทำให้เกิดน้ำเสียน้อยที่สุด การลงทุนต่ำ เมื่อเปรียบเทียบกับการลงทุนก่อสร้างโรงงานแบบใช้ไอน้ำ และสามารถนำไปพัฒนา ขยายโรงงานแบบไม่ใช้ไอน้ำได้ตามสภาพพื้นที่

เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการปลูกปาล์มนอกเขตเศรษฐกิจปาล์มที่เกษตรกรทั่วประเทศให้ความสนใจ ประธานกรรมการบริษัทปาล์มโมริช อธิบายพื้นฐานว่าไม่ได้เป็นวิศวกร แต่ก็สนใจศึกษาหาความรู้ ลองผิดลองถูกกับโรงงานแปรรูปน้ำมันปาล์มแบบไม่ใช้ไอน้ำ และได้สูตรลงตัวว่ามี 2 ขั้นตอนสำคัญ คือ

1. การเตรียมผลปาล์มร่วง โดยนำปาล์มทั้งทะลาย มาเข้ากระบวนการแยกออกจากกัน ซึ่งต้องใช้พลังงาน อย่างมาก เมื่อไม่ใช้ไอน้ำเข้าไปนึ่งให้ยุ่ย ก็เปลี่ยนมาผ่านเครื่องสับแห้งหลายครั้ง สามารถแยกตัวทะลายออกมาได้ และปัจจุบันเขาทำได้เพียงแห่งเดียว
2. เป็นการอบแห้งและบีบสกัดน้ำมัน เริ่มจากการไล่ความชื้นและส่งเข้าเครื่องแยกผลปาล์มเข้าเครื่องสกัดน้ำมัน

“โรงงานนี้เป็นต้นแบบ การศึกษาพบว่าต้นทุนการแปรรูปแบบไม่ใช้ไอน้ำถูกกว่าแบบไอน้ำเกือบเท่าตัว แต่ผลที่ได้ต่างกัน แบบไม่ใช้ไอน้ำ ความชื้นจะระเหยเป็นไอ จึงไม่มีน้ำเสีย น้ำมันปาล์มดิบที่ได้จากการแปรรูปวิธีนี้จะสูงกว่าแบบไอน้ำราว 10-20 เปอร์เซ็นต์ ค่าความสดของน้ำมันก็ได้มาตรฐาน ส่วนกาก เส้นใย นำไปใช้เป็นอาหารสัตว์ประเภทเคี้ยวเอื้องได้ การผลิตวิธีนี้ เป็นกระบวนการผลิตสะอาด ผลผลิตที่ได้มี 5 ส่วน ได้แก่ อาหาร อาหารสัตว์ ปุ๋ย เส้นใย และพลังงาน ซึ่งเป็นกระบวนการสร้างมูลค่าเพิ่มในการแปรรูปน้ำมันปาล์ม และเป็นกระบวนการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม” ดร.กนกกล่าว

โรงงานแห่งนี้ถือเป็นความสำเร็จของการวิจัยที่นำไปใช้ประโยชน์โดยแท้จริง สมชาย จึงเปิดสถานที่ นำ ศ.นพ.สุทธิพร จิตต์มิตรภาพ เลขาธิการคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ และสื่อมวลชนคณะใหญ่ดูระบบแบบไม่ปิดบัง ทั้งยังนำไปชมโรงงานผลิตปุ๋ย ซึ่งเป็นผลพลอยได้จากการนำกากใยของปาล์มมาหมัก โดยการพัฒนาจุลินทรีย์เพื่อให้การย่อยสลายมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ได้ปุ๋ยคุณภาพสูง

บทสรุปงานวิจัยระบุว่า โรงงานแห่งนี้ สามารถจะพัฒนาเป็นโรงงานขนาดเล็กไปอยู่ในพื้นที่ต่าง ๆ ได้ทั่วประเทศ ซึ่งมีการเพาะปลูกปาล์ม 5,000-10,000 ไร่ โดยตั้งเป็นโรงงานที่แปรรูปแบบไม่ใช้ไอน้ำขนาด 5 ตัน/ชั่วโมง หรือหากมีมากกว่านั้นก็ขยายโรงงานขึ้นตามสัดส่วน เพื่อช่วยให้เกษตรกรไม่ต้องขนผลผลิตไปส่งโรงงานที่อยู่ห่างไกล

สำหรับผู้มีความเห็นแย้งว่า การขยายพื้นที่ปลูกปาล์มจะแย่งแปลงที่ดินผลิตอาหาร ดร.กนก อธิบายว่าการปลูกปาล์มและแปรรูปที่ให้ได้ปุ๋ยจำนวนมาก หากแบ่งส่วนมาให้พืชน้ำมันสัก 5 เปอร์เซ็นต์ เราจะได้ประโยชน์มหาศาลทั้งอาหารและพลังงาน ซึ่งเป็นพลังงานสะอาดที่ได้มาด้วยกรรมวิธีผลิตที่ไม่ทำลายสภาพแวดล้อม ไม่มีน้ำเสียรั่วไหลออกไปแม้แต่หยดเดียว.

ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ วันที่ 16 พฤศจิกายน 2553
http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=319&contentID=104217

ข่าวที่เกี่ยวข้อง
  • นำเลี้ยงปูนิ่ม-พัฒนาท่องเที่ยว วิถีสร้างอาชีพของ วชช.เพื่อชุมชน
  • 'ไม้ผลแปลกและหายาก' ที่น่าปลูกในปี พ.ศ.2554
  • คาดลำไยปีหน้าราคาพุ่ง "ธีระ" ฟุ้งแผนบริหารจัดการดี มุ่งเน้นเดินตามกลไกตลาด
  • ผลิตปุ๋ยอินทรีย์ใช้เอง ลดต้นทุนการผลิตได้
  • วช.หนุนวิจัยปลานิล "จิตรลดา3" คุณภาพเหมาะเลี้ยงเชิงพาณิชย์
  • บริหารนำเข้ากาแฟสำเร็จรูป สกัดผลกระทบเปิดเสรีอาฟตา กษ.จับตาล้นตลาด-ราคาร่วง
  • วิจัย "ดีเอ็นเอ" แตงกวา มก.พัฒนา ต้านราน้ำค้าง
  • ศูนย์นวัตกรรมเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

    Postharvest Technology Innovation Center

    เทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว | ข่าวเกษตร | บทความ | ฐานข้อมูลงานวิจัย | วีดีโอ | Postharvest Technology