͢¢ԷҡѧPostharvest Technology Information NetworkPostharvest TechnologyɵҪԡ͢纺촡ɵҹŧҹԨ

แนะนำหน่วยงาน

  • หน้าหลัก
  • ประชาสัมพันธ์ศูนย์ฯ
  • ความเป็นมา
  • วัตถุประสงค์
  • โครงสร้างการบริหาร
  • คณะกรรมการอำนวยการ
  • คณะกรรมการบริหาร
  • ภาคีสถาบันอุดมศึกษาและวิจัย
  • ติดต่อศูนย์ ฯ

บริการต่าง ๆ

  • PHTNET E-Learning
  • Postharvest Newsletter
  • เครื่องมือวิทยาศาสตร์
  • ห้องปฏิบัติการ
  • รายชื่อผู้ประกอบการ
  • ฐานข้อมูลผู้เชี่ยวชาญ
  • หลักสูตรวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยว
  • รูปภาพความเสียหายหลังการเก็บเกี่ยว
  • มาตรฐานสินค้าเกษตร และระเบียบการส่งออก
  • ลิ้งค์ที่เกี่ยวข้อง

หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

  • สถาบันวิจัยเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว
  • กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
  • กรมส่งเสริมการเกตร
  • กรมวิชาการเกษตร
  • สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร
  • อุตุนิยมวิทยาเพื่อการเกษตร
  • สมาคมผู้ส่งข้าวออกต่างประเทศ
  • ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย
  • สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (สวก.)

หน้าแรก > ข่าวเกษตรประจำวัน

ดึงเวียดนามร่วมพันธมิตรยาง มติเอกฉันท์ "ไทย-มาเลย์-อินโดฯ" สร้างอำนาจคุมราคาตลาดโลก

เมื่อวันที่ 26 มกราคม 53

ดึงเวียดนามร่วมพันธมิตรยาง มติเอกฉันท์ "ไทย-มาเลย์-อินโดฯ" สร้างอำนาจคุมราคาตลาดโลก

นายศุภชัย โพธิ์สุ รมช.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ที่ประชุมความร่วมมือระหว่าง 3 ประเทศผู้ผลิตยางพาราในระดับรัฐมนตรี คือ ไทย มาเลเซีย และอินโดนีเซีย ได้มีมติเห็นชอบร่วมกันที่จะรักษาเสถียรภาพราคายางพารา และกำหนดแนวทางการแก้ปัญหายางพาราตกต่ำร่วมกัน โดยประเด็นหลักใหญ่ของความร่วมมือในการประชุมครั้งนี้ คือ การให้แต่ละประเทศทำการศึกษาและหาแนวทางในการจัดตั้งกองทุนเพื่อรักษาเสถียรภาพยางพาราในประเทศของตน โดยกองทุนดังกล่าวจะดูแลในเรื่องของสวัสดิการของผู้ปลูกยางพาราและเกษตรกร ผู้ใช้แรงงาน ตลอดจนการรักษาเสถียรภาพยางพารา การประกันรายได้เป็นต้น นอกจากนี้ ที่ประชุมไตรภาคีได้มีมติที่จะเชิญประเทศเวียดนามซึ่งเป็นประเทศผู้ผลิตยาง อันดับที่ 4 ของโลกเข้าร่วมเป็นกรรมการด้วย ซึ่งจะทำให้เกิดความแข็งแกร่งของอำนาจการต่อรองทางการค้าสินค้ายางพาราในตลาดโลกมากยิ่งขึ้น

"การที่ราคายางพารามีเสถียรติภาพในระดับที่คงที่ ไม่แกว่งตัวในระดับสูงหรือต่ำมากจนเกินไป จะเป็นผลดีต่อทั้งเกษตรกรผู้ปลูกยาง ผู้ประกอบการแปรรูปและประเทศคู่ค้ายาง เพราะจะทำให้สามารถวางแผนการผลิต และทำการตลาดได้ถูกต้อง โดยในส่วนของประเทศไทยตั้งเป้าราคายางแผ่นดิบรมควันเฉลี่ยกิโลกรัมละไม่ต่ำกว่า 80 บาท ส่วนอีก 2 ประเทศ ก็อยู่ในเกณฑ์ราคาเฉลี่ยที่ใกล้เคียง โดยทั้ง 3 ประเทศ จะจับมือร่วมกันเพื่อรักษาเสถียรติภาพราคายางในตลาดโลก"

นายศุภชัยได้กล่าวถึงความคืบหน้าการดำเนินโครงการสนับสนุนสถาบันเกษตรกรแปรรูปยางเพิ่มมูลค่าเพื่อแก้ไขปัญหาราคายางตกต่ำตามมติคณะรัฐมนตรี ซึ่งองค์การสวนยาง (อ.ส.ย.) ได้รับอนุมัติให้กู้เงินจาก ธ.ก.ส. จำนวน 5,000 ล้านบาท ในอัตราดอกเบี้ย 0% รับซื้อยางจากสถาบันเกษตรกร ที่ไม่สามารถแปรรูป หรืออัดก้อนหรือขายไปต่างประเทศได้ เพื่อรักษาเสถียรภาพราคายาง โดยใช้ราคานำตลาดเป็นคราวๆ เพื่อให้ราคายางสูงขึ้นตามเป้าหมายของคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ โดยมีเป้าหมายเก็บสต๊อกประมาณ 120,000 ตัน เพื่อจำหน่ายไปต่างประเทศนั้น

เนื่องจากขณะนี้ราคายางพาราอยู่ในเกณฑ์สูง วงเงินดังกล่าวจึงยังไม่ได้ถูกนำมาใช้ ด้านสำนักงานกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง ได้เตรียมเสนอที่จะปรับเพิ่มอัตราการเรียกเก็บเงินรายได้จากค่าธรรมเนียมการส่งออกยางพาราหรือเงิน CESS โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของ คณะกรรมการบริหารกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง เพื่อเตรียมนำเสนอต่อคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติพิจารณาในเร็วๆ นี้

ที่มา : หนังสือพิมพ์แนวหน้า วันที่ 26 มกราคม 2553
http://www.naewna.com/news.asp?ID=196801

ข่าวที่เกี่ยวข้อง
  • นำเลี้ยงปูนิ่ม-พัฒนาท่องเที่ยว วิถีสร้างอาชีพของ วชช.เพื่อชุมชน
  • 'ไม้ผลแปลกและหายาก' ที่น่าปลูกในปี พ.ศ.2554
  • คาดลำไยปีหน้าราคาพุ่ง "ธีระ" ฟุ้งแผนบริหารจัดการดี มุ่งเน้นเดินตามกลไกตลาด
  • ผลิตปุ๋ยอินทรีย์ใช้เอง ลดต้นทุนการผลิตได้
  • วช.หนุนวิจัยปลานิล "จิตรลดา3" คุณภาพเหมาะเลี้ยงเชิงพาณิชย์
  • บริหารนำเข้ากาแฟสำเร็จรูป สกัดผลกระทบเปิดเสรีอาฟตา กษ.จับตาล้นตลาด-ราคาร่วง
  • วิจัย "ดีเอ็นเอ" แตงกวา มก.พัฒนา ต้านราน้ำค้าง
  • ศูนย์นวัตกรรมเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

    Postharvest Technology Innovation Center

    เทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว | ข่าวเกษตร | บทความ | ฐานข้อมูลงานวิจัย | วีดีโอ | Postharvest Technology