͢¢ԷҡѧPostharvest Technology Information NetworkPostharvest TechnologyɵҪԡ͢纺촡ɵҹŧҹԨ

แนะนำหน่วยงาน

  • หน้าหลัก
  • ประชาสัมพันธ์ศูนย์ฯ
  • ความเป็นมา
  • วัตถุประสงค์
  • โครงสร้างการบริหาร
  • คณะกรรมการอำนวยการ
  • คณะกรรมการบริหาร
  • ภาคีสถาบันอุดมศึกษาและวิจัย
  • ติดต่อศูนย์ ฯ

บริการต่าง ๆ

  • PHTNET E-Learning
  • Postharvest Newsletter
  • เครื่องมือวิทยาศาสตร์
  • ห้องปฏิบัติการ
  • รายชื่อผู้ประกอบการ
  • ฐานข้อมูลผู้เชี่ยวชาญ
  • หลักสูตรวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยว
  • รูปภาพความเสียหายหลังการเก็บเกี่ยว
  • มาตรฐานสินค้าเกษตร และระเบียบการส่งออก
  • ลิ้งค์ที่เกี่ยวข้อง

หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

  • สถาบันวิจัยเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว
  • กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
  • กรมส่งเสริมการเกตร
  • กรมวิชาการเกษตร
  • สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร
  • อุตุนิยมวิทยาเพื่อการเกษตร
  • สมาคมผู้ส่งข้าวออกต่างประเทศ
  • ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย
  • สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (สวก.)

หน้าแรก > ข่าวเกษตรประจำวัน

หน่อไม้หวานพันธุ์ "หม่าจู" ของใต้หวัน

เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 53

หน่อไม้หวานพันธุ์ "หม่าจู" ของใต้หวัน

หน่อไม้หวานพันธุ์หม่าจู เป็นหน่อไม้ที่มีต้นตอจากเกาะหม่าจูของไต้หวัน เป็นหน่อไม้ขนาดใหญ่ที่มีรสชาติหวานอร่อย มีคุณค่าทางอาหารสูง และสามารถนำไปปรุงอาหารได้มากมายหลายชนิด

ไต้หวันเป็นประเทศที่มีการปลูกไผ่และผลิตหน่อไม้นานาชนิดออกสู่ตลาดโลกเกือบ 17 ประเทศ ไม่น้อยกว่าปีละ 4 พันตัน ประเทศไทยนำหน่อไม้หวานพันธุ์ไต้หวันหรือหม่าจูมาปลูกครั้งแรกในโครงการหลวงที่ดอยอ่างขาง ต่อมาได้นำไปขยายผลในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะที่ “ไร่ชาวเวียง” อำเภอเวียงเก่า (ภูเวียง) จังหวัดขอนแก่น ได้ปลูกไผ่พันธุ์หม่าจูนี้มาเป็นเวลาเกือบ 10 ปีแล้ว เนื่องจากภูมิอากาศของเทือกเขาภูเวียงมีความคล้ายคลึงอากาศที่ไต้หวัน โดยเฉพาะฤดูมรสุม ตั้งแต่เดือนมิถุนายน ถึง ตุลาคม ไผ่หวานไต้หวันจะแทงหน่อ กอละไม่น้อยกว่า 5-10 หน่อ หน่อใหญ่ อุดมสมบูรณ์ไปด้วยแร่ธาตุต่าง ๆ มีรสหวานกรอบ

ชาวจีนไต้หวันเป็นผู้ที่มีวัฒนธรรมบริโภคหน่อไม้มานานแล้ว จึงรู้กรรมวิธีการปลูก การเก็บเกี่ยวและการบริโภคดีกว่าชาติอื่น ที่ไร่ชาวเวียง อำเภอเวียงเก่า ดำเนินกรรมวิธีการปลูก การเก็บเกี่ยวตามคำแนะนำและหลักการของชาวจีนไต้หวันทุกประการ อาทิ เพื่อให้ได้หน่อไม้ที่สดและรสหวาน ต้องเก็บหน่อไม้เวลากลางคืนหรือมืดค่ำ หน่อไม้ต้องคลุมด้วยวัสดุป้องกันแสงแดด เพราะแสงแดดจะทำให้หน่อไม้ไม่หวานกรอบ ภายหลังการเก็บต้องห่อด้วยกระดาษหนังสือพิมพ์ทันที แล้วจึงนำไปเก็บในตู้เย็น หรือนำไปหมกไว้ใต้กองทรายเปียก ไม่ควรข้ามวัน

การต้มหน่อไม้กระทำตามแบบแผนถูกต้องตามสุขลักษณะ กล่าวคือต้มในน้ำเดือดผสมกรดมะนาว ประมาณชั่วโมงครึ่ง แล้วรีบบรรจุในถุงพลาสติกที่ทนความร้อนพร้อมไล่อากาศออก หน่อไม้ไผ่ต้มนี้สามารถเก็บไว้ได้ถึงขวบปี เมื่อเปิดใช้แล้วหากใช้ไม่หมดควรเก็บไว้ในตู้เย็น

หน่อไม้ไต้หวันได้ชื่อว่าเป็นหน่อไม้เพื่อสุขภาพ เป็นทั้งอาหารและยา นอกจากจะใช้ปรุงอาหารทั้งไทย จีน ฝรั่ง ให้รสชาติอันโอชะแล้ว ยังให้คุณค่าทางอาหารและยาเพื่อสุขภาพอีกด้วย โดยเฉพาะผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักและต้องการบริโภคพืชเส้นใยสูงหน่อไม้หวานให้โปรตีนและโพแทสเซียมสูง และให้แร่ธาตุอีกมากมาย เช่น หน่อไม้หวานหนัก 1 กรัม จะให้แคลอรี 22 กรัม โปรตีน 2.1 กรัม ไขมัน 0.2 กรัม คาร์โบไฮเดรต 3.8 กรัม และไฟเบอร์ 2.3 กรัม

นอกจากนี้ยังให้วิตามินและเกลือแร่นานาชนิดเช่น วิตามิน เอ บี1 บี2 โดยเฉพาะวิตามินซี ให้ถึง 3 มิลลิกรัม โพแทส เซียม 340 มิลลิกรัม ฟอสเฟต 41 มิลลิกรัม ณ ไร่ชาวเวียง อำเภอเวียงเก่า จังหวัดขอนแก่น นอกจากมีหน่อไม้หวานไต้หวัน ทั้งสดและต้มบรรจุถุงไว้จำหน่ายแล้ว ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ถึง กุมภาพันธ์ ของทุกปี จะมีผักเมืองหนาว เช่น สวิสชาร์ต คะน้าฮ่องกง บรอกโคลี หน่อไม้ฝรั่ง แครอท ฟักทองยักษ์ มะเขือเทศใหญ่หลากหลายพันธุ์ โดยเฉพาะมะเขือใหญ่ไดโนเสาร์ หรือมะเขือใหญ่นายพล เรามีหลากสีหลากพันธุ์ เช่น มะเขือม่วง ขาว ดำ ชมพู ขนาดใหญ่ ที่นำพันธุ์มาจากต่างประเทศ ทั้งอินเดีย อเมริกา อเมริกาใต้


หากท่านแวะชมไร่ชาวเวียง ท่านจะได้ชมวิถีชีวิตเศรษฐกิจพอเพียง วิธีการปลูกผักแนวใหม่ที่เรียกว่า “เตียงผัก” ทำให้ได้ผลผลิตสูง ไม่มีปัญหาน้ำท่วมและวัชพืชหน้าดินลึก นอกจากไร่ชาวเวียงเป็นเจ้าตำรับเตียงผักแล้ว ยังปลูกผักไร้สารพิษด้วย ผู้ปลูกใช้ดินฮิวมัส และอีเอ็มที่ผลิตในพื้นที่ จึงทำให้ปุ๋ยหมักจากดินฮิวมัส เป็นอาหารที่อุดมสมบูรณ์และสร้างความแข็งแรงให้กับพืช พืชผักมีภูมิต้านทาน ศัตรูพืชยากจะรบกวนได้

สนใจติดต่อรายละเอียดเกี่ยวกับการเยี่ยมชมและที่พัก ผลผลิตจากไร่หน่อไม้หวานต้ม ทั้งปลีกและส่งได้ที่ โทร. 08-1814-2242 ทั้งนี้ หากต้องการเยี่ยมชมและพักแรมรับลมหนาวขอเชิญที่ไร่ชาวเวียง อำเภอเวียงเก่า (บริเวณในภูเวียง) ซึ่งห่างจาก อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่นเพียง 75 กิโลเมตรเท่านั้น.

ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ วันที่ 7 ตุลาคม 2553
http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=344&contentID=96449

ข่าวที่เกี่ยวข้อง
  • นำเลี้ยงปูนิ่ม-พัฒนาท่องเที่ยว วิถีสร้างอาชีพของ วชช.เพื่อชุมชน
  • 'ไม้ผลแปลกและหายาก' ที่น่าปลูกในปี พ.ศ.2554
  • คาดลำไยปีหน้าราคาพุ่ง "ธีระ" ฟุ้งแผนบริหารจัดการดี มุ่งเน้นเดินตามกลไกตลาด
  • ผลิตปุ๋ยอินทรีย์ใช้เอง ลดต้นทุนการผลิตได้
  • วช.หนุนวิจัยปลานิล "จิตรลดา3" คุณภาพเหมาะเลี้ยงเชิงพาณิชย์
  • บริหารนำเข้ากาแฟสำเร็จรูป สกัดผลกระทบเปิดเสรีอาฟตา กษ.จับตาล้นตลาด-ราคาร่วง
  • วิจัย "ดีเอ็นเอ" แตงกวา มก.พัฒนา ต้านราน้ำค้าง
  • ศูนย์นวัตกรรมเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

    Postharvest Technology Innovation Center

    เทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว | ข่าวเกษตร | บทความ | ฐานข้อมูลงานวิจัย | วีดีโอ | Postharvest Technology